ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การมองเห็นเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสที่สำคัญมากที่สุด เราจึงควรทำทุกอย่างเพื่อรักษาสุขภาพดวงตาให้แข็งแรงให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่มีหลายวิธีที่เราจะสามารถรักษาและดูแลสุขภาพดวงตาให้ดีขึ้นได้ ทั้งอาหาร การใช้ชีวิต และวิธีทางการแพทย์

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

บำรุงสายตาให้แข็งแรงด้วยสารอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลูทีน (Lutein) คือสารอาหารที่บางครั้งถูกเรียกว่าเป็นวิตามินบำรุงสายตา การบริโภคลูทีน 12 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถช่วยชะลอการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับตาได้ อาหารที่อุดมด้วยลูทีน ได้แก่ [1]
    • ผักใบเขียว เช่น ผักเคล บร็อกโคลี่ และผักโขม จะให้ลูทีนในปริมาณที่ดีต่อร่างกาย
    • ผลไม้ โดยเฉพาะกีวี่ ส้ม และองุ่น
    • สควอชและซูกินี
    • อีกทางหนึ่งคือจะรับประทานอาหารเสริมลูทีน แต่ควรเลือกอาหารเสริมที่มีลูทีนโดยเฉพาะ ไม่ใช่ที่มีวิตามินรวมหลายๆ ตัว เพราะวิตามินแบบนั้นจะมีลูทีนน้อยมาก และอย่าลืมว่าร่างกายจะดูดซึมลูทีนที่ได้รับจากอาหารได้ดีกว่าลูทีนจากอาหารเสริม [2]
  2. สารอาหารที่จำเป็นนี้สามารถช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก และรักษาโรคตาแห้งให้ดีขึ้นได้ แหล่งโอเมก้า 3 ดีที่ดีสุดคือน้ำมันปลา โดยเฉพาะจากปลาแซลมอนและปลาซาร์ดีน นอกจากนี้ยังพบได้ในปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล และหอยนางรมอีกด้วย [3] [4]
    • ถ้าคุณไม่ชอบกินอาหารทะเลหรือหาได้ยาก ก็สามารถกินน้ำมันปลาในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อเพิ่มโอเมก้า 3 ให้ร่างกายได้เช่นกัน
  3. วิตามินชนิดนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในที่มืด และป้องกันอาการตาฟางตอนกลางคืน อาหารหลายชนิดอุดมไปด้วยวิตามินเอ เช่น [5]
    • แครอท มีการยอมรับมาเป็นเวลานานว่าแครอทเป็นอาหารที่ดีต่อดวงตา เพราะเต็มไปด้วยวิตามินเอและช่วยบำรุงรักษาสายตาได้ดี
    • มันเทศ
    • ไข่ มีทั้งวิตามินเอและลูทีนด้วย จึงควรกินอาหารที่มีประโยชน์นี้เพื่อบำรุงสายตาของคุณ [6]
  4. วิตามินซีสามารถช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกและการเสื่อมของจอประสาทตา [7] อาหารต่อไปนี้เป็นแหล่งวิตามินซีชั้นดี [8] [9]
    • ส้ม การกินส้มเป็นลูกๆ จะได้วิตามินซีดีกว่าน้ำส้ม และยังเป็นการเลี่ยงน้ำตาลที่ผสมอยู่ในน้ำส้มด้วย
    • พริกหวานสีเหลือง พริกหวานลูกใหญ่นี้ให้วิตามินซีถึง 500% ของปริมาณที่จำเป็นต้องได้รับต่อวัน
    • ผักใบสีเขียวเข้ม โดยเฉพาะผักเคลและบร็อกโคลี่ มีวิตามินซีสูง แค่กินผักชนิดใดชนิดหนึ่งนี้เพียงถ้วยเดียว คุณก็จะได้รับวิตามินที่เพียงพอสำหรับทั้งวัน
    • เบอร์รี่ต่างๆ ทั้งบลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ ล้วนเป็นแหล่งทางเลือกที่ดีสำหรับวิตามินซี
  5. ธาตุซิงค์จะช่วยในการผลิตเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ช่วยปกป้องดวงตา มันจะช่วยให้ดวงตาแข็งแรงขึ้นและชะลอการเกิดของโรคจอประสาทตาเสื่อม คุณสามารถเพิ่มซิงค์ในมื้ออาหารได้จากทางเลือกต่อไปนี้ [10] [11]
    • สัตว์ทะเลที่มีเปลือกอย่างล็อบสเตอร์ ปู และหอยนางรม อุดมด้วยธาตุซิงค์ปริมาณมาก
    • ผักใบสีเขียวเข้ม นอกจากมีลูทีนแล้ว ผักเหล่านี้ยังมีธาตุซิงค์ในปริมาณที่ดีต่อร่างกาย
    • ถั่วเปลือกแข็งอย่างมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง อัลมอนด์ และวอลนัท มีธาตุซิงค์สูง สามารถกินเป็นของว่างระหว่างวันได้
    • เนื้อแดงไม่ติดมัน หากกินในปริมาณเล็กน้อย เนื้อแดงไขมันต่ำนี้จะเป็นแหล่งธาตุซิงค์ชั้นยอด [12]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ดูแลดวงตาให้แข็งแรงด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในยุคดิจิทัลนี้ ผู้คนมากมายใช้เวลาวันละหลายชั่วโมงอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจ้องหน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้แก่สายตาคุณได้ สำหรับวิธีหลีกเลี่ยงและแก้ปัญหาสายตาที่เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือดิจิทัล สามารถอ่านได้จากบทความ ปกป้องดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์
  2. การกินอาหารที่ดีไม่ได้ช่วยแค่บำรุงสายตาด้วยสารอาหารเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคที่เกี่ยวกับน้ำหนักอย่างโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นสาเหตุของการตาบอดในผู้ใหญ่ได้ ลองพูดคุยกับแพทย์เพื่อหาว่าน้ำหนักที่เหมาะสมของคุณควรเป็นเท่าไหร่ และรักษาน้ำหนักให้ใกล้เคียงได้มากที่สุดด้วยการเลือกกินอาหารและการออกกำลังกาย [13]
  3. บุหรี่ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตาได้หลายอย่าง ทั้งต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม และเส้นประสาทตาถูกทำลาย แล้วยังทำให้เกิดโรคเบาหวาน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อดวงตาอีกด้วย ถ้าคุณสูบบุหรี่อยู่ ควรจะเลิกสูบ และถ้าคุณไม่ใช่คนสูบบุหรี่ ก็ไม่ควรลอง [14]
  4. รังสียูวีจากดวงอาทิตย์อาจเพิ่มความเสี่ยงการเป็นต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมได้ ซื้อแว่นตากันแดดดีๆ สักอันที่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ 99-100 เปอร์เซ็นต์ และสวมทุกครั้งที่ออกแดด มองหาสติกเกอร์คำว่า “ANSI” บนแว่นกันแดดเพื่อให้มั่นใจว่าแว่นนั้นตรงตามมาตรฐานของสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และป้องกันรังสียูวีได้ตามปริมาณที่กำหนด [15] [16]
  5. คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาดอาจทำร้ายดวงตาและนำไปสู่การติดเชื้อที่เป็นอันตรายต่อการมองเห็นได้ การดูแลรักษาคอนแทคเลนส์อย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณปกป้องดวงตาจากความเสียหายนั้นได้ [17]
    • ล้างคอนแทคเลนส์ทุกครั้งหลังการใช้ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาแนะนำ
    • ล้างมือก่อนจับคอนแทคเลนส์ เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อโรคจากมือจะไม่ผ่านไปสู่คอนแทคเลนส์ และให้ล้างด้วยสบู่อ่อนๆ ที่ไม่มีน้ำหอม เพราะสารเคมีหรือน้ำหอมอาจผ่านจากมือสู่เลนส์และทำให้ระคายเคืองตาได้
    • ใส่คอนแทคเลนส์ก่อนแต่งหน้า และถอดคอนแทคเลนส์ก่อนล้างเครื่องสำอาง
    • ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ตอนนอน ยกเว้นว่าจะเป็นแบบพิเศษที่ให้ใส่นอนได้
  6. สวมแว่นตานิรภัยเมื่อทำงานที่ต้องใช้เครื่องมือหรือสารเคมี. วัตถุเล็กๆ สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างมากหากเข้าไปในตา ควรสวมแว่นตาป้องกันเสมอเมื่อทำกิจกรรมใดก็ตามที่วัตถุแปลกปลอมหรือสารเคมีอาจเข้าสู่ดวงตาได้ มันจะช่วยให้แน่ใจว่าตาคุณจะปลอดภัยดี [18]
    • อย่าลืมสวมแว่นให้ครอบศีรษะเพื่อป้องกันด้านข้างของดวงตาด้วย
  7. การนอนหลับให้ได้ 8 ชั่วโมงจะช่วยให้ดวงตาได้พักผ่อนอย่างพอเหมาะและทำให้ดวงตาชุ่มชื้น คุณจะได้ตื่นมาพร้อมดวงตาที่สดชื่นเตรียมรับมือกับวันใหม่ [19]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ดูแลสายตาให้แข็งแรงด้วยการบริหารดวงตา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้จะยังมีข้อสงสัยว่าการบริหารดวงตานั้นช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นได้จริงหรือไม่ จักษุแพทย์บางท่านก็ยังให้ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตาบางอย่างทำ เช่น ปัญหาการโฟกัส โรคตาขี้เกียจ และตาเข [20] ควรถามแพทย์ว่าคุณสามารถทำการบริหารดวงตาได้หรือไม่ แพทย์อาจแนะนำเทคนิคบริหารดวงตาเพิ่มเติมจากด้านล่างนี้ให้ได้
  2. แม้การกะพริบตาจะไม่ใช่การบริหารดวงตาเสียทีเดียว แต่ก็จำเป็นสำหรับการมีสุขภาพตาที่ดี ปัญหาที่พบทั่วไปคือ คนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือดูโทรทัศน์มักจะกะพริบตาไม่มากพอ ทำให้เกิดอาการตาแห้งและตาล้า ลองพักจากงานและกะพริบตาทุก 3-4 วินาที เป็นเวลา 2 นาที วิธีนี้จะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ตาคุณและแก้ปัญหาตาล้าได้ [21]
  3. การกลอกตาเป็นรูปต่างๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อตาแข็งแรงขึ้นและปรับการมองเห็นให้คมชัดขึ้นได้ [22] [23]
    • เริ่มจากกลอกตาเป็นรูปเลข 8
    • เมื่อทำจนคุ้นกับทิศทางหนึ่งแล้วให้ลองทำแบบย้อนกลับบ้าง
    • จากนั้นลองพลิกด้านเลข 8 เป็นแนวนอน หรือรูปสัญลักษณ์อินฟินิตี้ กลอกตาไปทิศทางหนึ่งแล้วย้อนกลับ
    • ถ้าคุณเบื่อกับเลข 8 แล้ว จะลองกลอกตาเป็นรูปทรงอื่นๆ ก็ได้
  4. โฟกัสสลับระหว่างวัตถุที่อยู่ใกล้และวัตถุที่อยู่ไกล. การบริหารนี้จะช่วยให้ตาคุณโฟกัสได้ดีเมื่อคุณเปลี่ยนจุดโฟกัสระหว่างวัตถุที่อยู่ในระยะต่างกัน [24] [25]
    • ยกนิ้วให้ห่างจากใบหน้าเป็นระยะประมาณ 10 นิ้ว และโฟกัสไปที่นิ้วนั้น
    • จากนั้นเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่วัตถุที่อยู่ห่างไปสัก 20 ฟุต
    • โฟกัสสลับไปมาระหว่างสองจุดนี้ทุกๆ 2-3 วินาที เป็นเวลา 3 นาที
  5. วิธีนี้จะช่วยให้การมองเห็นคุณคมชัดเมื่อเพ่งมองไปยังวัตถุเคลื่อนที่ [26]
    • ยกมือขึ้นมาระดับใบหน้าและยืดแขนจนสุด ยกนิ้วโป้งขึ้นและโฟกัสไปที่นิ้ว
    • เลื่อนนิ้วเข้ามาหาคุณจนให้อยู่ห่างจากหน้าประมาณ 3 นิ้ว โดยให้สายตาโฟกัสที่นิ้วอยู่ตลอด
    • จากนั้นยืดแขนอีกครั้งโดยที่ยังโฟกัสที่นิ้วโป้งอยู่
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

รักษาสายตาให้แข็งแรงด้วยวิธีทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ควรไปตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยทุกปี จักษุแพทย์จะตรวจวินิจฉัยอย่างครอบคลุมเพื่อดูว่ามีปัญหาใดที่อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาคุณหรือไม่ เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะตรวจพบโรคอย่างต้อกระจกหรือโรคจอประสาทตาเสื่อมตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อรับการรักษา แพทย์อาจสั่งจ่ายเลนส์แบบพิเศษและให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้ดีต่อดวงตาคุณด้วย [27]
    • อย่าลืมแจ้งจักษุแพทย์หากมีปัญหาสุขภาพใดๆ แม้จะไม่เกี่ยวกับดวงตาก็ตาม ปัญหาอย่างความดันโลหิตสูงหรือโรคเบาหวานสามารถส่งผลต่อการมองเห็นได้ และจักษุแพทย์ควรได้รู้ประวัติสุขภาพทั้งหมดของคุณ [28]
  2. ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจส่งผลต่อการมองเห็นได้ ถ้ารู้สึกว่าการมองเห็นของคุณมีการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน และกินยาบางตัวอยู่เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับตัวยานั้น มันอาจมีผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาที่คุณไม่รู้ [29]
  3. ถ้าคุณมีปัญหาไม่สบายตาหรือมีการอักเสบเรื้อรัง สามารถใช้ยาที่แพทย์จ่ายให้ได้ สำหรับปัญหาตาแห้งเรื้อรัง ยาอย่างเรสตาซิส (Restasis) สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำตาได้ [30] บอกให้จักษุแพทย์ทราบถึงปัญหาที่คุณมีและดูว่าแพทย์จะสั่งจ่ายยาให้ได้หรือไม่
  4. เลสิก (LASIK) เป็นวิธีการที่ศัลยแพทย์จะใช้เลเซอร์ในการปรับรูปทรงของชั้นกระจกตา ซึ่งจะช่วยให้สายตาปรับภาพได้ดีขึ้นและมองเห็นชัดขึ้น การทำเลสิกมีอัตราผลสำเร็จของการรักษาสูง และอาจมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่ผลที่ได้อาจไม่คงอยู่ถาวร ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อดูว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณหรือไม่ [31]
    โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าลืมปรึกษาแพทย์ก่อนจะทำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารหรือการใช้ชีวิต หรือใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดวงตา หากไม่ได้รับคำแนะนำหรือคำปรึกษาที่เหมาะสม ร่างกายคุณอาจเป็นอันตรายได้
  • กินอาหารเสริมตามคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น แม้สารอาหารบางชนิดจะเป็นประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม แต่บางชนิดอาจเป็นอันตรายได้หากกินเกินขนาด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,212 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา