ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การศึกษาวิธีตกแต่งอาหารอาจสร้างความสับสนให้กับคนที่ยังไม่เคยลองทำมาก่อน ของตกแต่งที่ใช้มักจะเป็นส่วนผสมธรรมดาๆ ที่มีสีสันสวยงามอยู่แล้ว ดังนั้นมันไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องมานั่งแกะสลักสิ่งต่างๆ เพื่อนำมาตกแต่งจานอาหารของคุณเลย หากคุณกำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ เกี่ยวกับการตกแต่งอาหาร เรามีหลากหลายวิธีสร้างสรรค์ให้คุณเลือกนำไปใช้ ไม่ว่าจะกับจานหลักหรือของหวานก็ได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เลือกสิ่งที่จะนำมาตกแต่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ของที่นำมาตกแต่งไม่ได้มีไว้เพื่อประดับจานเท่านั้น แต่มันยังสามารถเพิ่มรสชาติและสัมผัสใหม่ๆ ให้กับอาหารด้วย การใช้ของตกแต่งที่สามารถกินได้จะช่วยลดความยุ่งยากในการที่ต้องเอาออกก่อนทานอาหาร
  2. ทำของที่กินไม่ได้ให้มองเห็นชัดเจนและเอาออกง่าย. ร่มค็อกเทลและเทียนวันเกิดเป็นตัวอย่างของตกแต่งที่กินไม่ได้และยากที่จะแทนด้วยสิ่งที่กินได้ แต่ของเหล่านี้มันชัดเจนว่ากินไม่ได้ แถมยังหยิบออกจากอาหารได้ง่าย จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะมีคนกินเข้าไป คุณต้องแน่ใจว่าส่วนผสมที่กินไม่ได้ที่คุณใช้นั้นมีคุณสมบัติตามที่กล่าวมา
  3. เลือกว่าจะใช้ของตกแต่งที่มีรสเข้มหรือรสอ่อน. อาหารที่ไม่ค่อยมีรสชาติอาจต้องการเครื่องตกแต่งที่โรยหน้าด้วยสมุนไพรหรือเครื่องเทศ แต่ไม่จำเป็นว่าของตกแต่งทุกอย่างจะต้องรสเข้มไปเสียหมด ถ้าอาหารมีรสชาติซับซ้อนอยู่แล้ว มันจะดีกว่าถ้าสามารถเลี่ยงของตกแต่งที่มีรสชาติเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันกับรสของส่วนผสมอื่นๆ [1]
  4. เลือกสีของตกแต่งให้ต่างจากสีอาหาร เพื่อให้มันดูโดดเด่นและน่าดึงดูดมากขึ้น ในทางเดียวกันก็ลองใช้ผักสดกรอบใบเล็กๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและความน่าสนใจให้กับอาหารเนื้อนุ่ม
    • ของตกแต่งสองอย่างสามารถจัดวางสลับชั้นกันบนจานเพื่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างสีสองสีได้ ลองใช้มะเขือเทศกับแตงกวาฝาน หรือวุ้นสี่เหลี่ยมคนละสีดู
  5. ของตกแต่งจะสามารถดึงดูดสายตาผู้รับประทานอาหารได้ดีกว่าเมื่ออยู่บนจานที่มีสีตัดกัน ถ้าอาหารมีสีสันหลากหลายอยู่แล้ว ให้วางของตกแต่งลงบนจานหรือถ้วยโดยตรง ของตกแต่งส่วนใหญ่จะดูเด่นเมื่ออยู่บนภาชนะสีขาว แต่ของที่มีสีสดก็ดูดีบนจานเซรามิกสีเข้มเช่นกัน
    • อย่าลืมว่าของตกแต่งอาหารนั้นใช้เพื่อทำให้จานหลักดูโดดเด่นขึ้น ไม่ใช่เพื่อสร้างผลงานศิลปะจากตัวมันเอง ใช้เพียงของสองสามชิ้นจัดวางเว้นระยะเป็นช่วงๆ จะมีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่าวางเป็นแถวเรียงต่อกันหรือเป็นกองใหญ่ๆ [2]
  6. ของตกแต่งที่แช่แข็งมาอาจละลายได้ถ้าถูกจัดวางคู่อาหารร้อนๆ หรือถึงแม้จะไม่เสี่ยงต่อการเสียรูป แต่ของตกแต่งเย็นๆ ชิ้นใหญ่ๆ คงไม่น่านำมากินกับซุปร้อนๆ สักเท่าไหร่ และของร้อนๆ ก็ไม่เหมาะที่จะจับคู่กับของหวานเย็นๆ เช่นกัน [3]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ตกแต่งด้วยผลไม้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผลไม้ส่วนใหญ่มีรสหวาน เหมาะสำหรับตกแต่งพวกของหวาน หรือสลัดในปริมาณเล็กน้อย ส่วนผลไม้รสเปรี้ยวอย่างเลมอนและมะนาวเขียว ใช้ได้ดีในการเพิ่มสีสันและรสชาติในอาหารจานปลาหรือเนื้อที่มีรสอ่อน เช่นเดียวกับผลไม้และขนมอื่นๆ
    • ผลไม้รสเปรี้ยวสามารถกลายเป็นของตกแต่งที่น่าสนใจได้ด้วยวิธีง่ายๆ โดยฝานบางๆ เป็นวงกลม รูปลิ่ม หรือเกลียว สำหรับผลไม้ชนิดอื่น คุณสามารถอ่านคำแนะนำได้ด้านล่าง
  2. เลือกผลไม้ที่เนื้อแน่นไม่เละ เนื้อแบ่งเป็นส่วนๆ หรือมีเนื้อข้างในเยอะ เช่น ส้ม หรือกีวี หั่นให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงกลางผล แล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมบางๆ [4]
    • ใช้ผลไม้ต่างชนิดที่มีสีต่างกันเพื่อความหลากหลาย อาจจะเป็นผลไม้ที่ดูธรรมดาอย่างแคนตาลูปหรือมะม่วง นำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมหรือจะใช้ที่ตักตักให้เป็นลูกกลมๆ ก็ได้
  3. ล้างสตรอว์เบอร์รี่และเช็ดให้แห้ง ใช้มีดปอกหั่นตรงปลายให้ได้ 4-5 ซี่ แต่เหลือพื้นที่ด้านบนไว้เล็กน้อยไม่ให้ขาดออกจากขั้ว จัดสตรอว์เบอร์รี่ใส่จานแล้วค่อยๆ จับให้กางออกเหมือนพัด
  4. หั่นครึ่งเชอร์รี่ลงไปประมาณสองในสามของลูก หมุนและหั่นอีกสองที ให้ได้เป็นกลีบหกกลีบโดยไม่ให้ขาดออกจากกัน จากนั้นค่อยๆ คลี่กลีบออกและกดให้แบน [5]
    • คุณอาจใส่ผลไม้เคลือบน้ำตาลชิ้นเล็กๆ หรืออย่างอื่นที่กินได้ไว้ตรงกลาง และเสียบใบมินท์สักใบสองใบไว้ด้านล่าง
  5. ใช้ผลไม้ที่มีเนื้อแน่น ล้างและซับให้แห้งด้วยกระดาษเช็ดมือ แยกไข่ขาวออกมาใส่ในชามแล้วตีจนขึ้นเป็นโฟม ใช้แปรงทาไข่ขาวบนผลไม้บางๆ ให้เท่ากันทั้งลูก แล้วโรยด้วยน้ำตาลทรายขาวเพื่อให้ดูเหมือนน้ำค้างแข็ง [6]
  6. ถ้าคุณมีเวลาอีกสักหน่อยและมีมีดคมๆ สักเล่ม ลองทำแอปเปิลให้เป็นรูปหงส์ดู โดยทำตามขั้นตอนที่ได้อธิบายไว้ใน บทความที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถใช้หัวไชเท้าผลใหญ่หรือผลไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ชนิดอื่นๆ แทนได้
    • คุณอาจจะออกแบบรูปทรงอื่นๆ ที่ซับซ้อนขึ้น สำหรับเป็นเครื่องประดับกลางโต๊ะ หรือของตกแต่งในโอกาสพิเศษก็ได้ สามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้ทางออนไลน์ โดยพิมพ์ว่า วิธีแกะสลักผลไม้ไทย (Thai fruit carving instructions) หรือศิลปะจากอาหาร (food art)
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ตกแต่งด้วยผัก ดอกไม้ และสมุนไพร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผักและดอกไม้เหมาะสำหรับเป็นเครื่องตกแต่งจานสลัด เนื้อ อาหารจานผัก พาสต้า และข้าว ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าจะใช้ผักหรือดอกไม้ชนิดใด ให้เลือกชนิดเดียวกันกับที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารจานนั้น หรือเลือกผักรสอ่อนอย่างแตงกวาหรือหัวไชเท้า
  2. ล้างแตงกวาหรือแครอทหั่นครึ่ง แล้วปอกเปลือกที่สกปรกหรือขรุขระออก ใช้มีดปอกเฉือนลงไปตามแนวยาวของผักแต่อย่าให้ขาดออกหมด ทำซ้ำรอบแครอทหรือแตงกวาเพื่อให้ได้กลีบดอกไม้หลายๆ กลีบ ถ้ายังมีพื้นที่เหลือ ให้ทำแบบเดิมเพื่อเพิ่มเป็นชั้นที่สองด้านใน จากนั้นเอาส่วนที่เหลือตรงกลางออก แล้วค่อยๆ จับกลีบให้งอไปทางด้านหลัง [7]
  3. ปอกเปลือกมะเขือเทศให้ได้เส้นยาวต่อกันเป็นวง และปอกให้เส้นแคบลงเรื่อยๆ ม้วนเปลือกที่ได้ให้เป็นวงแน่นแล้วปล่อยเพื่อให้กลายเป็นรูปดอกไม้ [8] คุณอาจจะต้องสอดปลายเก็บเข้าไประหว่างเปลือกเพื่อไม่ให้มันหลุดออก หรือจะใช้ไม้จิ้มฟันกลัดไว้ให้แน่นขึ้นก็ได้
  4. หอมหัวใหญ่ พริกหวาน หรือแตงกวาที่คว้านเนื้อแล้ว สามารถนำมาหั่นเป็นวงแหวนได้ง่ายๆ ทำให้มันดูไม่ธรรมดาด้วยการตัดแต่ละวงแล้วนำมาเกี่ยวกันเป็นห่วงโซ่ เพื่อใช้ตกแต่งบนอาหารหรือรอบๆ จาน [9]
  5. หั่นหอมหัวใหญ่เป็นส่วนๆ เหลือตรงฐานไว้ไม่ให้ขาดออกจากกัน จุ่มหัวหอมลงในน้ำร้อนเพื่อให้คงตัวและลดกลิ่นของมัน จากนั้นแช่ในสีผสมอาหารประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้มีสีจางๆ น่าดึงดูด [10]
  6. ดอกไวโอเล็ต กุหลาบ เจอราเนียม ดาวเรือง และแนสเตอร์ชัม เป็นตัวอย่างของดอกไม้ที่สามารถกินได้ แต่คุณควรหาข้อมูลก่อนจะใส่ดอกไม้ลงไปในอาหาร เพราะบางชนิดนั้นเป็นพิษ ห้ามเก็บดอกไม้ที่ปลูกใกล้ถนนหรือแหล่งมลพิษมากินเด็ดขาด รวมถึงดอกไม้ที่ปลูกโดยใช้ยาฆ่าแมลง หรือดอกไม้ที่ระบุชนิดไม่ได้ด้วย ดอกไม้บางชนิดเท่านั้นที่กินได้ และถึงอย่างนั้นก็ควรใช้เพียงเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร [11] ดอกไม้ที่บานแล้วเป็นเครื่องตกแต่งที่ทั้งใช้ง่ายและมีเสน่ห์ที่สุดในเวลาเดียวกัน
    • รสชาติของดอกไม้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามประเภท เวลา และสิ่งแวดล้อมที่ปลูก ควรลองชิมสักกลีบก่อนจะนำมาใช้ตกแต่งอาหาร แม้ว่าคุณจะเคยกินดอกไม้ชนิดนั้นมาก่อนก็ตาม
  7. หนึ่งในของที่เรียบง่ายและนิยมใช้ตกแต่งอาหารที่สุดก็คือช่อพาร์สลีย์ สิ่งนี้จะช่วยเสริมจานอาหารที่มีรสชาติ อาหารจานเนื้อ หรืออาหารรสเข้ม โดยการทำให้สมดุลด้วยรสที่อ่อนบางและความเป็นธรรมชาติของมัน คุณสามารถใช้ใบโรสแมรี่ มินท์ (สะระแหน่) หรือสมุนไพรอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน แต่อย่าลืมเด็ดก้านที่กินไม่ได้ออกก่อนด้วย
    • บางทีแค่ใช้สมุนไพรบดหรือผงเครื่องเทศโรยหน้าก็เพียงพอสำหรับตกแต่งจานอาหารแล้ว ผงปาปริก้า พริกป่น และผงขมิ้น มีสีสันฉูดฉาดมากพอที่จะใช้เป็นเครื่องตกแต่งไปในตัวได้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ตกแต่งด้วยส่วนผสมสำหรับของหวาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถราดช็อกโกแลตให้เป็นรูปคดเคี้ยวลงบนขนมหรือจานได้โดยใช้ช็อกโกแลตเหลวหรือช็อกโกแลตไซรัป สำหรับรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น ให้ลองบีบช็อกโกแลตเหลวลงบนถาดอบที่รองด้วยกระดาษไข แล้วค่อยๆ ยกเข้าตู้เย็นหรือตู้แช่แข็ง แช่ไว้ประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าช็อกโกแลตจะเย็นตัวและแข็ง [12] จัดวางเป็นแนวตั้งบนไอศกรีม หรือจะวางราบบนขนมเย็นๆ ก็ได้ และควรเสิร์ฟทันที
    • ใช้ดาร์กช็อกโกแลต ไวท์ช็อกโกแลต และช็อกโกแลตนม สลับกัน เพื่อให้ดูมีความหลากหลาย
  2. สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น หรือผลไม้หั่นสี่เหลี่ยม สามารถนำไปจุ่มช็อกโกแลตและทิ้งไว้ให้เย็นตัวเพื่อทำเป็นขนมหวานแสนอร่อยได้ เสร็จแล้วนำไปเสียบไม้ จัดวางให้เป็นรูปพัดโดยจิ้มปลายไม้ลงในลูกเมลอนผ่าครึ่งที่ใส่สลัดผลไม้หรือของหวานอื่นๆ
  3. เลือกดอกไม้กินได้ที่ปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง โดยเฉพาะดอกที่มีกลิ่นหอม ตีไข่ขาวจนเป็นโฟมแล้วใช้แปรงทาบนดอกไม้ จากนั้นโรยน้ำตาลทรายขาวให้ทั่ว และนำไปตกแต่งเล็กน้อยบนพุดดิ้งข้าวหรือของหวานอื่นๆ
  4. น้ำรสต่างๆ ตั้งแต่ชาสมุนไพรไปจนถึงน้ำผลไม้ สามารถนำไปผสมกับผงวุ้นได้ ต้มโดยทำตามขั้นตอนที่อยู่บนซองผงวุ้น จากนั้นเทใส่พิมพ์ ทิ้งไว้ให้เย็นและคงตัว ถ้าคุณไม่มีพิมพ์รูปต่างๆ สำหรับตกแต่ง สามารถหั่นวุ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม รูปเพชร หรือรูปทรงอื่นๆ ก็ได้
    • คุณสามารถใช้ได้แม้กระทั่งน้ำสต็อกหรือน้ำใส่สมุนไพรต่างๆ เพื่อทำวุ้นรสชาติเข้มข้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณตั้งใจจะตกแต่งอาหารเป็นประจำ หาซื้อมีดคุณภาพดีมาสักชุด และดูแลรักษาให้คมอยู่เสมอ มีดพวกนี้จะช่วยให้คุณหั่นของตกแต่งของคุณได้อย่างประณีตยิ่งขึ้น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,352 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา