ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กัวคาโมเล เป็นเมนูสลัดหรือดิปยอดนิยมจากประเทศเม็กซิโกที่มีวิธีทำไม่ยากอย่างที่คิด ส่วนผสมหลักที่ขาดไม่ได้ของเมนูกัวคาโมเลคืออะโวคาโดที่บดละเอียดหรือหั่นเป็นชิ้นๆ และนำมาผสมเข้ากับหอมหัวใหญ่ ผักชี พริก และเครื่องปรุงต่างๆ ก่อนจัดเสิร์ฟคู่กับแผ่นข้าวโพดทอดกรอบ นอกเหนือจากการทำเมนูกัวคาโมเลสูตรพื้นฐานจากส่วนผสมต่างๆ เหล่านี้แล้ว คุณยังสามารถสร้างสรรค์เมนูกัวคาโมเลในแบบของคุณได้โดยเพิ่มเติมส่วนผสมอื่นๆ ตามใจชอบ

ส่วนประกอบ

ส่วนผสมหลัก

  • อะโวคาโดสุก 2 ลูก
  • หอมหัวใหญ่ ¼ ลูก หั่นเป็นชิ้นเต๋า
  • พริกเซอราโน่หรือพริกจาลาปิโน่ 1 เม็ด ซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • ผักชีสด 1-2 ช้อนโต๊ะ สับละเอียด
  • น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนชา

ส่วนผสมเพิ่มเติม

  • มะเขือเทศ ½ ลูก หั่นเป็นชิ้นเต๋า
  • กระเทียม 1 กลีบเล็ก สับละเอียด
ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ทำกัวคาโมเลสูตรดั้งเดิม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เนื่องจากเนื้ออะโวคาโดสามารถเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้อย่างรวดเร็ว คุณจึงควรเก็บอะโวคาโดไว้ผ่าในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้อะโวคาโดยังคงสดใหม่และมีสีสันน่าทานดังเดิม เริ่มจากผ่าหอมหัวใหญ่ออกเป็นครึ่งหนึ่งก่อนผ่าแบ่งอีกครั้งเพื่อให้ได้ขนาดชิ้น ¼ จากนั้นใช้มีดที่คมหั่นหอมหัวใหญ่ให้เป็นชิ้นเต๋าและใส่ไว้ในชามใบเล็ก
    • หากคุณต้องการลดความฉุนของหอมหัวใหญ่ลง ให้คุณนำหอมหัวใหญ่ที่หั่นเป็นชิ้นเต๋าแล้วมาล้างน้ำผ่านตะแกรงและสะเด็ดน้ำให้เรียบร้อย เนื่องจากน้ำเปล่ามีส่วนช่วยในการชะล้างกรดซัลฟูริกในหอมหัวใหญ่ให้หายไปได้ (กรดซัลฟูริกเดียวกับที่ส่งผลให้คุณน้ำตาไหลในระหว่างการหั่นหอมหัวใหญ่)
  2. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    ซอยพริกเซอราโน่หรือพริกจาลาปิโน่เป็นชิ้นเล็กๆ และใส่รวมกับหอมหัวใหญ่
    • หากคุณต้องการให้กัวคาโมเลมีรสชาติที่เผ็ดน้อยลง ให้คุณนำเมล็ดและเยื่อแกนกลางของพริกออกก่อนซอยออกเป็นชิ้นๆ เนื่องจากเมล็ดและเยื่อแกนกลางเป็นส่วนที่เผ็ดที่สุดของพริก
  3. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    ใช้มือข้างหนึ่งจับผักชีรวบเข้าไว้ด้วยกันก่อนสับให้ละเอียดด้วยมีดที่คมและใส่รวมกับหอมหัวใหญ่และพริก
    • คุณสามารถสับก้านผักชีไปพร้อมๆ กับใบได้หากต้องการ ซึ่งก้านของผักชีสามารถเพิ่มรสชาติให้กับกัวคาโมเลได้อย่างดีเยี่ยมแตกต่างจากก้านของพาร์สลีย์ที่เต็มไปด้วยเส้นใยเหนียวๆ และดูไม่น่าทาน
  4. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    กัวคาโมเลไม่จำเป็นต้องใส่กระเทียมลงไปก็ได้ แต่หลายคนมองว่ากระเทียมเป็นส่วนผสมที่สำคัญไม่แพ้กัน หากคุณต้องการใส่กระเทียมเพิ่มลงไปในกัวคาโมเลของคุณ ให้คุณสับกระเทียมให้ละเอียดและใส่รวมกับหอมหัวใหญ่ พริก และผักชี
  5. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ให้คุณใช้ส้อมบดหอมหัวใหญ่ พริก และผักชีสักเล็กน้อยเพื่อให้น้ำมันในผักซึมออกมา อย่างไรก็ตามคุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้หากไม่มีเวลาเหลือมากพอ แต่กัวคาโมเลที่ทำเสร็จแล้วอาจมีรสชาติที่ไม่อร่อยเท่าที่ควร
    • การใช้ครกและสากสามารถช่วยให้คุณบดหอมหัวใหญ่ พริก และผักชีได้สะดวกยิ่งขึ้น
  6. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    ใช้มีดที่คมผ่าอะโวคาโดตามแนวยาวเพื่อแบ่งออกเป็น 2 ส่วน จากนั้นดึงเมล็ดที่อยู่ตรงกลางออกมาโดยพยายามไม่ให้มีเศษเมล็ดหลงเหลืออยู่
    • เลือกใช้อะโวคาโดที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างนุ่มดีกว่าที่แข็งจนเกินไป เนื่องจากอะโวคาโดถือเป็นส่วนผสมหลักของเมนูกัวคาโมเล ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการเลือกอะโวคาโดที่สามารถช่วยขับเน้นรสชาติของกัวคาโมเลของคุณได้อย่างดีเยี่ยม
    • คุณอาจใช้มือบิดอะโวคาโดเพื่อให้แยกออกจากกันได้ง่ายขึ้น
  7. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    กรีดชิ้นอะโวคาโดที่แบ่งครึ่งให้เป็นตารางสี่เหลี่ยมโดยไม่ต้องผ่าเปลือกให้ขาด
  8. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    คว้านเนื้ออะโวคาโดใส่ลงไปรวมกับส่วนผสมอื่นๆ. ใช้ช้อนคว้านเนื้ออะโวคาโดที่กรีดเป็นชิ้นเต๋าออกมาและใส่รวมกับหอมหัวใหญ่ พริก และผักชี
  9. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    ใช้ช้อนคลุกเคล้าอะโวคาโดให้เข้ากับส่วนผสมที่เหลือ. หากคุณต้องการให้กัวคาโมเลมีสัมผัสที่หยาบ ให้คุณใช้ช้อนคลุกเคล้าเนื้ออะโวคาโดเบาๆ จนเข้ากันดีกับหอมหัวใหญ่ พริก และผักชีแต่ไม่ให้เละจนเกินไป หรือหากคุณต้องการให้กัวคาโมเลมีสัมผัสที่นุ่มละมุนขึ้น ให้คุณบดเนื้ออะโวคาโดจนกระทั่งเนียนละเอียดเหมือนครีม
    • คุณสามารถบีบมะนาวเพิ่มลงไปในระหว่างคลุกเคล้าเนื้ออะโวคาโดเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับกัวคาโมเลของคุณได้เช่นกัน
    • อย่าลืมโรยเกลือเพิ่มลงไปในกัวคาโมเลของคุณด้วยเช่นกัน ซึ่งการเลือกใช้เกลือสมุทรสามารถช่วยเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับเกลือบริโภค
  10. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    เพิ่มมะเขือเทศสุกหั่นเต๋าลงไปในกัวคาโมเลของคุณ (ไม่บังคับ). หากคุณเลือกใช้มะเขือเทศที่ไม่สุกนัก ให้คุณผสมมะเขือเทศเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ ก่อนเริ่มต้นคลุกเคล้าอะโวคาโดลงไป หรือหากคุณเลือกใช้มะเขือเทศที่สุกดีแล้ว คุณสามารถใส่มะเขือเทศเพิ่มลงไปได้เลยในขั้นตอนนี้ มะเขือเทศสุกจะให้สัมผัสที่นุ่มละมุนและช่วยเพิ่มสีสันให้กัวคาโมเลดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

เพิ่มรสชาติให้กับกัวคาโมเล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพิ่มความหวานด้วยมะม่วงหั่นเต๋าหรือเมล็ดทับทิม. มะม่วงสดจะช่วยเพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวให้กับกัวคาโมเลของคุณได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งหากคุณชื่นชอบดิปที่มีรสชาติหวาน คุณสามารถลองทำซัลซ่าสไตล์มายันที่มีชื่อเรียกว่า Xec ได้เช่นกัน หรือจะเลือกเพิ่มเมล็ดทับทิมที่สามารถช่วยให้กัวคาโมเลของคุณมีสีสันดูน่าทานและมีรสชาติหวานยิ่งขึ้นได้ดีไม่แพ้กัน
  2. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    เพิ่มกลิ่นหอมรมควันด้วยโทมาทิลโลย่างหรือเมล็ดฟักทองอบ. โทมาทิลโลย่างหรือเมล็ดฟักทองอบจะช่วยสร้างความแปลกใหม่และแตกต่างให้กับรสชาติของกัวคาโมเลของคุณ
  3. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    สร้างสรรค์รสชาติในแบบของคุณด้วยส่วนผสมอื่นๆ. อย่ากลัวที่จะลองเลือกเติมส่วนผสมอื่นๆ ตามใจชอบ จำไว้ว่ากัวคาโมเลเป็นเมนูที่สามารถสร้างสรรค์ออกมาได้ในรูปแบบที่หลากหลายตามความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการพรมด้วยน้ำมันมะกอก ผสมผิวมะนาวหรือเลมอนขูดเพิ่มลงไป หรือคลุกเคล้าเข้ากับชีสสดขูด
  4. Watermark wikiHow to ทำกัวคาโมเล
    โรยหน้ากัวคาโมเลด้วยผักชีและจัดเสิร์ฟได้เลยทันที หรือคุณจะเลือกตกแต่งด้วยส่วนผสมอื่นๆ ดังนี้:
    • หัวไช้เท้าสไลซ์บาง
    • ข้าวโพดอบจากเตา
    • แผ่นมันฝรั่งหรือแผ่นข้าวโพดทอดกรอบ โดยจัดเรียงไว้รอบๆ ชามกัวคาโมเล
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากต้องการให้กัวคาโมเลมีสัมผัสที่ข้นและไม่เหลวเป็นน้ำมากนัก ให้คุณนำเมล็ดมะเขือเทศออกให้เรียบร้อยก่อนคลุกเคล้าเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ
  • กัวคาโมเลสามารถเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้เมื่อสัมผัสกับอากาศ [1] เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว ให้คุณทานกัวคาโมเลโดยทันทีหรือคลุมด้วยพลาสติกแรปก่อนจัดเสิร์ฟ
  • คุณสามารถใช้ที่บดมันฝรั่งสำหรับคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อให้เนื้อสัมผัสของกัวคาโมเลมีความข้นมากยิ่งขึ้น
  • พยายามใส่ผักชีลงไปเพียงเล็กน้อยในช่วงแรกๆ เนื่องจากผักชีมีกลิ่นที่ฉุนและอาจกลบรสชาติของกัวคาโมเลได้
  • สำหรับเคล็ดลับในการป้องกันไม่ให้อะโวคาโดกลายเป็นสีน้ำตาล ให้คุณนำอะโวคาโดลงไปในน้ำที่กำลังเดือดนาน 10 วินาทีก่อนเปลี่ยนมาพักในน้ำที่แช่น้ำแข็งไว้โดยทันที วิธีนี้จะช่วยทำลายเอนไซม์ที่สามารถทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจนส่งผลให้อะโวคาโดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลได้ และเมื่อคุณต้องการคลุมกัวคาโมเลด้วยพลาสติกแรป ให้คุณกดพลาสติกแรปให้แนบสนิทกับเนื้อกัวคาโมเลเพื่อป้องกันไม่ให้สัมผัสกับอากาศ
  • หากต้องการลดความเผ็ดของกัวคาโมเล ให้คุณเติมครีมเปรี้ยวหรือคอตเทจชีสเล็กน้อยลงไปผสมให้เข้ากัน
  • เช็คระดับความสุกของอะโวคาโดโดยใช้มือบีบเบาๆ หากอะโวคาโดมีสัมผัสที่นิ่มเมื่อกดลงไป แสดงว่าอะโวคาโดสุกได้ที่ดีแล้ว [2]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,755 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา