ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ตั้งแต่ดื่มเพื่อสุขภาพ ไปจนถึงใช้ทำความสะอาดบ้านเลย ถ้าต้องใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลในปริมาณมาก ผสมใช้เองจะถูกกว่าซื้อที่เขาขายกันเยอะเลย ถ้าอ่านบทความวิกิฮาวนี้จนรู้สัดส่วนที่เหมาะสม และระยะเวลาในการหมักน้ำส้มสายชู ก็จะช่วยให้ประหยัดไปได้เยอะ เพราะทำน้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ลได้เองเลย

ส่วนประกอบ

  • แอปเปิ้ล
  • น้ำ
  • น้ำตาล หรือน้ำผึ้ง
ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ผสมเบสไซเดอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงจะต้องเอาไปหมักทิ้งไว้นานๆ แต่ถ้าเลือกแอปเปิ้ลคุณภาพดีแต่แรก จะช่วยให้น้ำส้มสายชูที่ได้ รสชาติดีขึ้นเยอะเลย แนะนำให้เลือกแอปเปิ้ลคุณภาพดีที่สุดที่หาได้ ถ้าอยากได้น้ำส้มสายชูที่คุณภาพดีตามไปด้วย [1]
    • ถ้าอยากได้น้ำส้มสายชูเข้มข้น รสชาติดูมีอะไร ลองผสมแอปเปิ้ลหลายๆ พันธุ์ดู อาจจะใช้แอปเปิ้ลหวานๆ 2 ลูก เช่น Golden Delicious หรือ Gala กับแอปเปิ้ลเปรี้ยว 1 ลูก อย่าง McIntosh หรือ Liberty เพื่อให้มีรสแหลมเล็กน้อยตรงปลาย [2]
    • แทนที่จะใช้แอปเปิ้ลทั้งลูก ให้ใช้เปลือกและเศษแอปเปิ้ลที่เหลือจากการทำอาหารเมนูอื่นมาหมักเป็นน้ำส้มสายชู ปกติคุณใช้เปลือกและเศษของแอปเปิ้ล 2 ลูก แทนการใช้แอปเปิ้ล 1 ลูกเต็มๆ ได้เลย ให้เก็บเปลือก แกน และเศษอื่นๆ ของแอปเปิ้ลไว้ในช่องฟรีซจนกว่าจะนำมาใช้หมักน้ำส้มสายชู [3]
  2. ต้องล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนกินเสมอ รวมถึงก่อนนำไปใช้ทำอาหารหรือหมักน้ำส้มสายชูด้วย ให้ล้างและขัดแอปเปิ้ลให้สะอาดโดยใช้น้ำเย็น ไม่ให้มีอะไรตกค้างมาปนเปื้อนน้ำส้มสายชูของเรา [4]
    • คุณจะหมักน้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ลกี่ลูกก็ตามสะดวก แต่ยิ่งใช้เยอะ ปริมาณน้ำส้มสายชูที่ได้ก็ยิ่งเยอะตาม! ถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดหมักน้ำส้มสายชู แนะนำให้ใช้แอปเปิ้ลสัก 3 ลูกก่อน เพราะจะได้น้ำส้มสายชูในปริมาณพอควร และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดระหว่างหมักด้วย [5]
    • ถึงจะใช้แค่เปลือกและเศษแอปเปิ้ล ก็แนะนำให้ล้างแอปเปิ้ลทั้งลูกก่อนแยกเอาแต่ส่วนที่จะใช้หมัก
  3. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    ยิ่งแอปเปิ้ลโดนส่วนผสมอื่นๆ ทั่วถึง ก็ยิ่งหมักน้ำส้มสายชูเสร็จเร็วขึ้นเท่านั้น ให้ใช้มีดสะอาดหั่นแอปเปิ้ลเป็นลูกเต๋าขนาดประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม.) รวมเปลือกกับแกนแอปเปิ้ลด้วย [6]
    • ถ้าใช้เศษแอปเปิ้ล ก็ไม่ต้องหั่นเพิ่มอีก
  4. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    เราต้องหมักแอปเปิ้ลเป็นเวลา 3 เดือนด้วยกัน ให้เอาใส่ ขวดโหลแก้วปากกว้าง ที่ฆ่าเชื้อแล้ว อย่าใส่แอปเปิ้ลเยอะเกิน ¾ ขวด ถ้าใช้ขวดโหลขนาด 1 ควอร์ต (quart) คือจุได้ประมาณ 1 ลิตร หรือประมาณ 1/4 แกลลอนขึ้นไป จะดีที่สุด [7]
    • เวลาหมักน้ำส้มสายชู ห้ามใช้ภาชนะที่เป็นสแตนเลส เพราะระหว่างหมักแอปเปิ้ลจะเกิดกรดที่กัดสแตนเลสได้ หรือทำให้น้ำส้มสายชูนั้นมีรสโลหะผสมจนเสียรสได้ [8]
  5. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    ต้องเทน้ำใส่ขวดโหลให้ท่วมแอปเปิ้ล เพราะแอปเปิ้ลส่วนที่โผล่พ้นน้ำจะเริ่มเน่าระหว่างหมักน้ำส้มสายชู จะดีที่สุดถ้าใช้น้ำกรองหรือน้ำแร่ เพราะจะไม่มีอะไรมาปนเปื้อนน้ำส้มสายชู [9]
    • ถ้าใช้ขวดขนาด 1 ควอร์ต และแอปเปิ้ล 3 ลูก ต้องใส่น้ำประมาณ 800 มล. (27 ออนซ์) แต่จะเพิ่มลดก็ได้ตามต้องการ
    • เติมน้ำเยอะเกิน ดีกว่าน้ำไม่พอ เพราะถ้าน้ำเยอะไป น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลที่ได้จะแค่เจือจางกว่าปกติ หรือใช้เวลาหมักนานหน่อย แต่ถ้าใส่น้ำน้อยไป แอปเปิ้ลบางส่วนจะโผล่พ้นน้ำ ทำให้เน่าได้ เท่ากับน้ำส้มสายชูนั้นจะเสียไปเลย
  6. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    เติมน้ำตาลทรายดิบ 1 ช้อนชา (4 กรัม) ต่อแอปเปิ้ล 1 ลูก. แล้วคนผสมให้ทุกอย่างเข้ากันดี หมักแล้วน้ำตาลจะกลายเป็นแอลกอฮอล์ ได้ apple cider หรือน้ำไซเดอร์จากแอปเปิ้ล ที่ตอนหลังจะกลายเป็นน้ำส้มสายชูในที่สุด แนะนำให้ใช้น้ำตาลทรายดิบจะเห็นผลที่สุด แต่จะใช้น้ำผึ้งหรือน้ำตาลอื่นๆ ก็ได้ ตามสะดวก [10]
  7. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    ถึงเราจะหมักแอปเปิ้ลเป็นไซเดอร์ และน้ำส้มสายชูในที่สุด แต่ส่วนผสมก็ต้องมีอากาศผ่านเข้ามาบ้าง ให้ใช้ผ้าขาวบางปิดปากขวดโหลแทนฝา แล้วรัดด้วยหนังยาง แบบนี้น้ำส้มสายชูก็ไม่ปนเปื้อน แต่ยังเหลือที่ให้แก๊สระเหยได้ระหว่างขั้นตอนการหมัก [11]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

หมักน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    เก็บขวดไว้ในที่ที่จะปล่อยให้น้ำส้มสายชูหมักไปนานๆ ได้ ไม่มีอะไรมารบกวน เช่น เก็บไว้ในตู้กับข้าว จะข้างบนหรือข้างล่างก็ได้ หรือมุมใดมุมหนึ่งในครัว สรุปคือที่ไหนก็ได้ที่ไม่โดนแดดตรงๆ แต่ละบ้านก็จะมีมุมที่เหมาะสมแตกต่างกันไป [12]
    • ให้เก็บขวดที่กำลังหมักน้ำส้มสายชูไว้ในอุณหภูมิห้อง หรือก็คือประมาณ 20°C (70°F) [13]
  2. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    การคนส่วนผสม จะดีต่อขั้นตอนการหมัก รวมถึงทำให้หมักแอปเปิ้ลได้ทั่วถึงดีด้วย ช่วงอาทิตย์ที่ 1 - 2 ให้คนไซเดอร์ด้วยช้อนไม้ วันละ 1 - 2 ครั้ง ถ้าวันไหนลืมคนก็ไม่ต้องเครียดไป ขอแค่คนส่วนผสมเรื่อยๆ ก็พอ [14]
    • ถ้าสังเกตว่าแอปเปิ้ลลอยเหนือน้ำ ให้ใช้ fermentation stone (หินถ่วงส่วนผสม) หรืออื่นๆ ที่ทับส่วนผสมไว้ไม่ให้ลอยขึ้นมาเวลาหมัก [15]
  3. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    ตอนเช็คแอปเปิ้ลประจำวัน ให้สังเกตว่ามีฟองอากาศผุดไหม แปลว่ากำลังหมักอยู่ พอเวลาผ่านไป 1 - 2 อาทิตย์ แอปเปิ้ลจะจมลงก้นขวด แปลว่าหมักได้ที่แล้ว ไม่ต้องใช้แอปเปิ้ลนั้นในขั้นตอนการหมักน้ำส้มสายชูแล้ว
    • ถ้าสังเกตว่ามีคราบลอยเหนือขวด ให้ตักทิ้งได้เลย [16]
  4. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    กรองเอาเศษแอปเปิ้ลออกจากไซเดอร์ แล้วเทไซเดอร์กลับลงขวดโหล. ให้ใช้กระชอนพลาสติก หรือผ้าขาวบางอีกผืน กรองเอากากแอปเปิ้ลออกจากน้ำไซเดอร์ ซึ่งก็เหมือนกับขั้นตอนอื่นๆ คือห้ามใช้ภาชนะหรืออุปกรณ์ที่เป็นโลหะ เพราะจะทำให้เสียขั้นตอนการหมักได้ เสร็จแล้วเทไซเดอร์กลับลงขวด ปิดปากขวดด้วยผ้าขาวบาง รัดหนังยาง แล้วเอากลับไปวางในที่อุ่นๆ มืดๆ ตามเดิม [17]
    • พอกรองกากแอปเปิ้ลออกจากน้ำไซเดอร์แล้ว ก็ทิ้งไปได้เลย หลังจากการหมักแล้ว แอปเปิ้ลนั้นจะนำมากินไม่ได้อีก
  5. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    หมักไซเดอร์ต่ออีก 3 - 6 อาทิตย์ หมั่นคนทุก 2 - 3 วัน. ขั้นตอนนี้แหละ ที่ apple cider จะเริ่มเปลี่ยนเป็น apple cider vinegar หรือน้ำส้มสายชู ให้คนส่วนผสมในขวดทุก 3 - 4 วัน เพื่อให้น้ำส้มสายชูเคลื่อนไหวเล็กน้อยระหว่างหมัก [18]
    • ช่วงนี้กลิ่นน้ำไซเดอร์หวานๆ จะเริ่มแหลมฉุนขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่าหมักได้ผล น้ำไซเดอร์กำลังจะกลายเป็นน้ำส้มสายชู [19]
    • ยิ่งหมักน้ำส้มสายชูนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งรสเข้มกลิ่นฉุนขึ้นเท่านั้น พอหมักไปได้ประมาณ 3 อาทิตย์ ให้เริ่มชิมรสทุก 2 - 3 วัน จนได้รสชาติและความเปรี้ยวตามต้องการ [20]
    • ต้องหมักนานแค่ไหน ก็แล้วแต่ภูมิอากาศของประเทศนั้นๆ ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อน หมักแป๊บเดียวไซเดอร์ก็กลายเป็นน้ำส้มสายชูแล้ว แต่ถ้าหน้าหนาว หรือประเทศที่อากาศหนาวจัด ก็ต้องหมักนานกว่านั้น [21]
  6. Watermark wikiHow to ทำน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
    เทน้ำส้มสายชูที่หมักเสร็จแล้ว ใส่ขวดโหลแก้ว ปิดฝาให้สนิท แล้วเก็บไว้ใช้ได้เลย. ให้เลือกขวดโหลแก้วที่สะอาดและฆ่าเชื้อแล้ว รวมถึงต้องมีฝาปิดสนิท เพื่อหยุดกระบวนการหมัก รักษาความสดใหม่ของน้ำส้มสายชู ปกติถ้าแช่ตู้เย็นไว้ ก็ใช้น้ำส้มสายชูนั้นไปได้ตลอดเลย [22]
    • แค่แช่น้ำส้มสายชูในตู้เย็น ก็ช่วยหยุดขั้นตอนการหมักได้แล้ว แต่ถ้าทิ้งไว้นานเกินไป ก็เท่ากับหมักต่อไป ลองสังเกตดูว่าน้ำส้มสายชูเข้มข้นไปหรือเปล่า แบบนั้นให้เติมน้ำนิดหน่อยจนเจือจาง กลับมาเปรี้ยวพอดีตามต้องการ [23]
    • จริงๆ แล้วเก็บน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลไว้ในอุณหภูมิห้องก็ได้ แต่ก็เท่ากับหมักต่อ
    • ถ้ามีก้อนหยุ่นๆ เหมือนเจลาติน โผล่มาที่ผิวหน้าของน้ำส้มสายชู นอกจากไม่ต้องเครียดแล้ว ควรจะดีใจด้วยซ้ำ เพราะนี่คือ “mother” หรือหัวเชื้อน้ำส้มสายชู ต่อไปก็ใช้ทำน้ำส้มสายชูขวดใหม่ได้แบบไม่ต้องยุ่งยาก แค่ใส่ mother ลงไปพร้อมแอปเปิ้ล เท่านี้ก็หมักน้ำส้มสายชูได้แบบรวดเร็วทันใจ
    โฆษณา

คำเตือน

  • ไม่แนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูทำเองในการหมักดองผักผลไม้ เพราะระดับความเป็นกรดอะซิติกต้องอยู่ที่ 5% ถ้าหมักเองเราจะไม่รู้ระดับกรดอะซิติกของน้ำส้มสายชู เพราะงั้นแนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูสำเร็จรูปจะดีกว่า [24]
  • ถ้ามีคราบเขียว เทา ดำ น้ำตาล หรือมีราขึ้นที่ผิวหน้าของน้ำส้มสายชูระหว่างหมัก ให้ทิ้งไปเลย อย่าเสียดาย แล้วเดี๋ยวเรามาทำใหม่ เพราะเป็นสัญญาณบอกว่ามีแบคทีเรียร้ายปนเปื้อน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ [25]
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • แอปเปิ้ล
  • มีด
  • เขียง
  • ขวดโหลแก้ว
  • น้ำเปล่า
  • น้ำตาล
  • ผ้าขาวบาง
  • ยางวง
  • ช้อนไม้หรือพลาสติก
  • ขวดโหลแก้วแบบมีฝาปิด สำหรับจัดเก็บ

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,446 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา