ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
Aubergines (มะเขือม่วง) รู้จักกันดีในประเทศอเมริกาในชื่อว่า Eggplants (มะเขือ) มีรูปร่าง ขนาด และสีสันที่หลากหลาย มะเขือที่โด่งดังที่สุดนั่นก็คือมะเขือขนาดใหญ่และมีสีม่วงนั่นเอง การทำอาหารด้วยมะเขือม่วงไม่ใช่เรื่องยาก แม้บางคนอาจรู้สึกอายๆ กับมันก็ตาม มีหลากหลายวิธีในการเตรียมและทำอาหารด้วยมะเขือม่วง ที่จะทำให้ได้อาหารออกมาวางได้เป็นแถวๆ เลยล่ะ
ขั้นตอน
-
ล้างมะเขือม่วงให้สะอาด. ตรวจดูจุดที่เป็นจุดสีน้ำตาลหรือส่วนที่ช้ำ ถ้าผิวของมันยังคงสภาพดี หมายความว่ารับประทานได้ อย่างไรก็ตาม บางชนิดผิวมันอาจเหนียวเกินกว่าจะกินเข้าไปได้นะ ปอกเปลือกด้วยที่ปอกเปลือกผัก เปลือกมะเขือม่วงที่อ่อนกว่านั้นสามารถกินได้ แต่เปลือกที่แก่กว่า สุกกว่านั้นจะมีรสขม ตัดส่วนขั้วและส่วนปลายของมะเขือม่วงออกไปด้วย
- ไม่ต้องปอกเปลือกออกถ้าคุณต้องการจะอบมะเขือม่วงทั้งลูกในเตาอบ หรือย่างบนเตาย่างก็ตาม ทิ้งเปลือกไว้อย่างนั้นจะเป็นการดีที่สุด ถ้าคุณต้องการขูดเนื้อข้างในออกแล้วบดมัน
-
หั่นมะเขือม่วงตามสูตรที่คุณจะทำ. จะหั่นครึ่งตามแนวยาว หั่นเป็นลูกบาศก์ หั่นเป็นเต๋า หรือฝานเอาก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเช่นกัน จำไว้ว่าถ้าคุณต้องการย่างมัน ให้หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ จะได้ไม่ร่วงตกลงผ่านตะแกรง- ถ้าสูตรบอกให้บดหรือนำไปทำซุปข้น ไม่ต้องหั่น อบไปทั้งลูกเลย จะเป็นวิธีที่ง่ายกว่า
-
โรยเกลือลงบนเนื้อมะเขือม่วง. มันจะช่วยขจัดความขมที่มะเขือม่วงมักจะมีอยู่ออกไป และการโรยเกลือยังทำให้เนื้อหนาขึ้น ทำให้ไม่คล้ายกับฟองน้ำ จะได้ไม่ซึมซับไขมันง่ายเกินไป เสร็จแล้วพักทิ้งไว้ในกระชอนหรือตะแกรงสัก 20 ถึง 30 นาที
- ถ้าคุณอยากข้ามขั้นตอนนี้ไปก็ได้ มะเขือม่วงก็ยังมีรสชาติที่ดีเหมือนเดิม แต่อาจมีความแตกต่างด้านความแน่นของเนื้อเล็กน้อย และอาจมีรสขมกว่านิดหน่อย
-
ล้างมะเขือม่วงด้วยน้ำเพื่อล้างเกลือออกและเช็ดให้แห้ง. เพื่อให้มะเขือม่วงไม่อมน้ำมันมากเกินไปเวลานำไปประกอบอาหาร ช่วยให้เนื้อของมะเขือม่วงยังกรุบกรอบอยู่
- ให้แน่ใจว่ามันแห้งจริงๆ น้ำที่หลงเหลืออยู่อาจซึมเข้าไปในเนื้อมะเขือม่วง และทำให้เนื้อไม่ค่อยกรอบนัก
โฆษณา
-
อบเตาอบไว้ที่ 230 องศาเซลเซียส. แล้วก็ต้องปูฟอยล์หรือใช้น้ำมันทาลงบนกระทะสำหรับอบด้วย ถ้าคุณมีถาดอบยี่ห้อ Silpat แล้วล่ะก็ จะใช้มันก็ได้ (แม้การทาน้ำมันเล็กน้อยจะไม่เป็นอันตรายก็ตาม)
-
ปอกเปลือกมะเขือม่วงถ้าคุณต้องการ และหั่นมันซะ. พิจารณาตามรูปแบบต่อไปนี้:
- หั่นเป็นลูกบาศก์ขนาด ¾ นิ้ว แล้วคลุกกระเทียม น้ำมันมะกอก เกลือ และพริกไทยดำ เสร็จแล้วก็นำไปใส่ในกระทะ
- อบมะเขือม่วงทั้งชิ้น เจาะรูที่มะเขือม่วงสักสองสามครั้ง เพื่อที่เวลาที่อบอยู่มันจะได้ไม่แตกออกมาจากการขยายตัวของน้ำ หลังจากนั้นคุณก็สามารถตักเนื้อมันออกมาบดหรือทำซุปข้นได้
- ฝานมะเขือม่วงตามแนวยาวและทาน้ำมันมะกอก ตามด้วยปรุงรส (เช่น ใส่หัวหอมหั่นเต๋า พริกไทย ชีสขูดฝอย เกล็ดขนมปัง และเครื่องเทศที่เข้ากันดี)
-
อบย่างมะเขือม่วงเป็นเวลา 20 นาที หรือจนกว่าจะอ่อนนุ่มขึ้น. ถ้าคุณหั่นมันเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ให้อบแค่ครึ่งทางหรือแค่ 10 นาทีก็พอ และถ้าปกติไม่ค่อยได้ใช้เตาอบนั้นบ่อยเท่าไรนัก ให้หมุนกระทะอบไปเรื่อยๆ คุณต้องการให้มะเขือม่วงแต่ละชิ้นมีความกรอบซ่อนอยู่ถึงแม้มันจะอ่อนนุ่มก็ตาม
- ถ้าคุณอบมะเขือม่วงทั้งลูกแล้ว ให้ใช้ส้อมจิ้มดู ถ้ารู้สึกว่าเริ่มมีแรงดันขึ้นมาในตอนแรก จากนั้นส้อมก็สามารถผ่านเข้าไปได้ นั่นแปลว่ามันสุกทั่วทั้งลูกแล้ว
โฆษณา
-
อุ่นน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะในกระทะใบใหญ่ด้วยไฟกลางค่อนไปทางแรง. ถ้าไม่มีน้ำมันมะกอก จะใช้น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว น้ำมันเมล็ดองุ่น หรือน้ำมันปาล์มก็ได้ มันก็ยังดีต่อสุขภาพอยู่ดี [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าใช้น้ำมันมากเกินกว่านั้น เพราะหลังจากนี้น้ำมันจะถูกทาติดอยู่บนมะเขือม่วงอยู่แล้ว ถ้าคุณยิ่งโหมน้ำมันเข้าไปมากขึ้นอีก เมื่อนำไปทอดมะเขือยาวก็จะยิ่งมีผิวที่ชื้นแฉะ
-
หั่นมะเขือม่วงเป็นชิ้นแล้วทาด้วยน้ำมันมะกอกทั้งสองด้าน. หั่นให้หนาชิ้นละ ½ นิ้ว (1.25 เซนติเมตร หรือตามสูตร โรยเกลือและพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติ และยังสามารถเติมเครื่องเทศอื่นๆ ที่ชอบลงไปคลุกกับมะเขือม่วงได้อีกด้วย
- จะคลุกมะเขือม่วงกับเกล็ดขนมปังและชีสพาเมซานก็ได้ถ้าคุณชอบ ต้องใช้เกล็ดขนมปังสัก 1/3 ถ้วย และชีสพาเมซานประมาณ 1 หรือ 2 ช้อนโต๊ะต่อมะเขือม่วงหนึ่งลูกที่มีขนาดพอเหมาะ ผสมมันเข้าด้วยกันแล้วจุ่มมะเขือม่วงแต่ละชิ้นลงไปในส่วนผสม ก่อนที่จะนำไปวางบนกระทะ
-
ใส่มะเขือม่วงหั่นลงไปในน้ำมันร้อนๆ. ต้องใช้เวลาผัดแต่ละด้านประมาณ 5 นาทีจนกว่าจะเป็นสีเหลืองทอง อย่าเดินออกจากเตาล่ะ มันสำคัญมาก ถ้าพลาดไปจะทำให้มะเขือเป็นสีเข้มเกินไป คอยกลับด้านจนกว่าจะได้เป็นสีน้ำตาลอย่างสมบูรณ์แบบ
- อยากให้มันอร่อยขึ้นอีกนิดไหมล่ะ? เติมซอสถั่วเหลืองลงไปด้วยสิ (แต่เก็บไว้บางส่วนเผื่อจิ้มกินทีหลังด้วยนะ) หรือรสชาติอื่นที่คุณคิดว่ามันเข้าคู่กันก็ดีเช่นกัน
-
เมื่อชิ้นมะเขือม่วงเป็นสีน้ำตาลทองแล้ว นำมันออกมา. วางลงบนกระดาษเพื่อซับน้ำมันส่วนเกินออก แล้วทิ้งไว้สักสองสามนาทีให้มันเย็นลง จากนี้ก็ได้เวลารับประทานแล้วล่ะ
- มะเขือม่วงกินกับซอสถั่วเหลือง น้ำสลัดจากไร่ หรือกินเปล่าๆ ก็อร่อย มันยังช่วยเติมเต็มความอร่อยให้กับอาหารมื้อใดก็ตาม ด้วยการเข้าถึงรสชาติใหม่จากผักและน้ำมันที่ดูน่าเบื่อนั่นเอง
โฆษณา
-
ถ้าคุณใช้เตาย่างแก๊ส ให้อุ่นเตรียมไว้ก่อนเลย. ใช้ไฟกลาง วางตะแกรงย่างไว้ข้างบน และถ้าใช้ถ่านย่าง เตรียมถ่านให้ร้อนเอาไว้
- ให้แน่ใจว่าเตาย่างสะอาดก่อนที่จะใช้มัน ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระดาษแล้วเช็ดตะแกรงทีละซี่ การใช้น้ำมันจะช่วยป้องกันไม่ให้มะเขือติดกับตะแกรง
-
ปอกเปลือกมะเขือม่วงถ้าต้องการ แล้วหั่นชิ้นละ ½ นิ้ว. หรือจะหั่นตามแนวยาวแทนที่จะหั่นเป็นชิ้นเล็กก็ได้ จากนั้นใช้น้ำมันมะกอก เนยละลาย หรือน้ำมันทำอาหารทั่วไปทาบนมะเขือม่วงทุกด้าน มันจะช่วยเพิ่มรสชาติและกันไม่ให้มะเขือติดกับตะแกรงย่างอีกด้วย
- ในขณะเดียวกัน คุณสามารถย่างมะเขือม่วงทั้งลูก หรือผ่าครึ่งด้วยไฟกลาง ใช้เวลาประมาณ 15 ถึง 20 นาที จนกว่าผิวนอกของมันจะเข้มขึ้น จิ้มผิวของมะเขือม่วงระหว่างที่ย่างอยู่เพื่อให้ความร้อนเข้าไปยังตรงกลางของมะเขือม่วง
-
ปรุงรสตามที่ต้องการ ด้วยสมุนไพร เกลือ และพริกไทยดำป่น. จะใช้แปรงทาซอสหมักน้ำมัน (Oil-based marinade) แทนที่จะใช้น้ำมันหรือเนยก็ได้ ซอสหมักที่ใช้ได้ดีกับผักชนิดอื่นก็ย่อมใช้ได้ดีกับมะเขือม่วงเช่นกัน
-
ปูแผ่นฟอยล์ไว้บนเตาย่าง หรือวางไว้บนตะแกรงโดยตรง. ถ้าคุณจะทำอาหารด้วยมะเขือม่วงชิ้นเล็กๆ ให้วางแผ่นฟอยล์เอาไว้ในที่ที่จะย่าง เพราะจะได้ป้องกันไม่ให้ตกลงไปผ่านซี่ตะแกรงย่างนั่นเอง และจะยังคงน้ำมันไว้ข้างบนและช่วยในการแพร่กระจายน้ำมัน
- เจาะรูกระดาษฟอยล์เล็กน้อยเพื่อให้ความร้อนผ่านขึ้นมาอย่างรวดเร็วขึ้น
-
ย่างประมาณ 8 นาที หรือจนกว่ามันจะกรุบกรอบและอ่อนนุ่ม. ทั้งวิธีย่างโดยใช้เตาถ่านและเตาแก๊ส ให้วางมะเขือม่วงไว้บนตะแกรงเหนือไฟโดยตรง ถ้าคุณใช้เตาแก๊สย่างก็ปิดฝาซะ ถ้าใช้เตาถ่านก็ไม่ต้อง
- เมื่อเสร็จเรียบร้อย ให้ดับไฟ นำฟอยล์ออกจากเตา แล้วย้ายมะเขือม่วงลงจาน. ปล่อยให้มะเขือม่วงและฟอยล์พักประมาณสองสามนาทีเพื่อจะได้เย็นลง ก่อนที่จะแตะมัน
- ตอนนี้มะเขือม่วงก็พร้อมที่จะนำไปใส่สลัดหรือนำไปเป็นเครื่องเคียงได้แล้ว หรือว่าจะจิ้มซอสกินเฉยๆ ก็ย่อมได้ และยังนำไปเป็นส่วนหนึ่งของซุปหรือสตูว์ได้อีกด้วย
โฆษณา
เคล็ดลับ
- อย่าทำให้มะเขือม่วงไหม้ล่ะ แต่ถ้ามันไม่สุกก็จะทั้งเหนียวและไม่อร่อยเลย
โฆษณา
คำเตือน
- มะเขือยาวสีขาวขึ้นชื่อเรื่องผิวที่เหนียวมาก ขอให้ปอกเปลือกมะเขือชนิดนี้ก่อนทุกครั้ง
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- เกลือและพริกไทยเพื่อเพิ่มรสชาติ
- กระชอน
- กระดาษ
- น้ำมัน (ควรเป็นน้ำมันมะกอก)
- มีด
- เครื่องเทศ
- อลูมิเนียมฟอยล์
- ที่คีบ (ไม่มีก็ได้)
- กระทะสำหรับอบ (ถ้าต้องการที่จะอบ)
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,987 ครั้ง
โฆษณา
