ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
เยลลี่ธรรมดาอาจจะน่าเบื่อ แบบนี้ต้องลองใส่ชิ้นผลไม้ตามชอบเข้าไป จะได้เยลลี่สีสันสดใสน่ากิน ขั้นตอกแรกคือล้างผลไม้ให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นชิ้นพอดี แล้ววางเรียงในชามหรือพิมพ์ทำเยลลี่ เสร็จแล้วผสมผงทำเยลลี่สำเร็จรูปกับน้ำ หรือจะใช้เจลาตินมังสวิรัติแบบโฮมเมดก็ได้ ให้เทเจลาตินที่ผสมแล้วทับลงไปในผลไม้ จากนั้นแช่เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง พอเยลลี่เซ็ตตัวแล้ว ก็เอาออกจากชามหรือแม่พิมพ์ ไปกินให้อร่อยเลย!
ส่วนประกอบ
ผลไม้ที่น่าสนใจ
- องุ่นเขียว 8 ออนซ์ (0.5 ปอนด์)
- องุ่นแดง 8 ออนซ์ (0.5 ปอนด์)
- สตรอว์เบอร์รี่ 8 ออนซ์ (0.5 ปอนด์)
- ราสเบอร์รี่ 4 ออนซ์ (0.25 ปอนด์)
- ผลไม้อื่นๆ ตามชอบ เช่น กล้วย ลูกแพร์ หรือสับปะรดกระป๋อง
- ผงเจลาตินสำเร็จรูป กล่องละ 3 ออนซ์ (85 กรัม) (ยี่ห้ออิมพีเรียล หรืออื่นๆ)
- น้ำเดือด 1 ถ้วยตวง (240 มล.)
- น้ำเย็น 1 ถ้วยตวง (240 มล.)
- ผงวุ้นอะการ์ (agar-agar) 1.5 ช้อนชา
- น้ำองุ่นแดง หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียว 1 ถ้วยตวง (240 มล.)
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง (240 มล.)
- น้ำตาลทรายขาว 1/4 ถ้วยตวง (60 มล.)
- สีผสมอาหารสีเขียว 2 - 3 หยด (ถ้ามี)
ขั้นตอน
-
เทเจลาตินผง 1 กล่อง (3 ออนซ์ หรือ 85 กรัม) ใส่ชาม. ไม่ว่าจะทำเยลลี่รสไหน ก็ให้เทผงเจลาตินสำเร็จรูปลงไปทั้งกล่อง ผงทำเยลลี่ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี จะเป็นของยี่ห้ออิมพีเรียล แต่จริงๆ แล้วจะใช้ผงทำเยลลี่สำเร็จรูปยี่ห้อไหนก็ได้ตามชอบ และตามความสะดวก หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใส่น้ำเดือด 1 ถ้วยตวง (240 มิลลิลิตร) แล้วคนจนผงเยลลี่ละลายหมด. ต้มน้ำ 1 ถ้วยตวง เทใส่ชามผงเจลาติน แล้วคนผสมจนละลายหมด ปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 นาที [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง- เวลาคนผงเจลาติน จะใช้ส้อม ตะกร้อมือ หรือไม้พายยางก็ได้
-
เทน้ำเย็น 1 ถ้วยตวง (240 มิลลิลิตร) ลงไป แล้วคนผสม 2 - 3 วินาที. น้ำเย็นที่ใส่เข้าไป จะช่วยปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมและเจือจางเจลาติน ถ้าผลไม้ที่จะใส่ในเยลลี่เป็นผลไม้กระป๋อง จะใส่น้ำผลไม้ในกระป๋องแทนน้ำเย็นก็ได้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ขั้นตอนนี้ผงเจลาตินจะละลายแล้ว เลยไม่ต้องคนมากเท่าไหร่
โฆษณา
-
เลือกผลไม้ที่ชอบมา 3 - 4 ชนิด. ถ้าอยากให้เยลลี่ออกมาสีสันสดใสสวยงาม แนะนำให้ใช้ผลไม้ต่างสีต่างชนิดกัน เช่น เรียงชิ้นสตรอว์เบอร์รี่ไว้ชั้นหนึ่ง จากนั้นตามมาด้วยองุ่นเขียวอีกชั้น ราสเบอร์รี่ และปิดท้ายด้วยองุ่นแดง หรือฝานกล้วยเป็นชิ้นๆ ถ้าอยากได้สีเหลืองเพิ่มเข้ามา ไม่ก็ใส่สับปะรดกระป๋อง ทั้งสีสวยทั้งอร่อยสดชื่น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าใช้ผงทำเยลลี่แบบไม่แต่งรส จะใส่ผลไม้ชนิดไหนก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นผงทำเยลลี่รสมะม่วง ก็ต้องคิดก่อนว่าอยากกินผลไม้อะไรคู่ไปกับมะม่วง
- จริงๆ สูตรนี้ค่อนข้างฟรีสไตล์ ปรับแต่งได้ตามสะดวก แต่ปกติจะใช้ผลไม้ประมาณ 32 ออนซ์ (2 ปอนด์) ต่อผงทำเยลลี่ 1 กล่อง (3 ออนซ์)
-
ที่ไม่แนะนำคือสับปะรดสด กีวี่ มะม่วง รากขิง มะละกอ มะเดื่อ หรือฝรั่ง. เพราะผลไม้พวกนี้จะทำปฏิกิริยาจนเยลลี่ไม่แข็งตัว สุดท้ายจะได้เยลลี่เละๆ แต่ถ้าใช้สับปะรดกระป๋องแทน จะไม่มีปัญหานี้ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- วิทยาศาสตร์น่ารู้: ผลไม้พวกนี้จะมีเอนไซม์โปรตีเอส (protease enzymes) ที่ไปยับยั้งการแข็งตัวของโปรตีนในเยลลี่นั่นเอง! [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าใช้ผลไม้กระป๋อง ต้องกรองน้ำแยกไว้ก่อน เดี๋ยวเราเอาไปทำเยลลี่ได้
-
ล้างผลไม้แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ. ล้างผลไม้ในกระชอนด้วยน้ำเย็นให้สะอาด จากนั้นใช้มีดหั่นบนเขียงจนเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ ถ้าจะใส่องุ่น ผ่าครึ่งแล้วจะดูดีเป็นพิเศษ ถ้าจะใส่สตรอว์เบอร์รี่ ให้ตัดขั้วก่อน แล้วผ่าครึ่งหรือ 1/4 ส่วนกล้วย ให้หั่นเป็นแว่นๆ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าเป็นราสเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ หรือบลูเบอร์รี่ ใส่เข้าไปได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาหั่น!
-
วางเรียงผลไม้เป็นชั้นๆ ในชามหรือในแม่พิมพ์ทำเยลลี่. ให้เรียงผลไม้แต่ละชนิดเป็นชั้นๆ กันไป เช่น ถ้าจะใส่สตรอว์เบอร์รี่ 8 ออนซ์ (0.5 ปอนด์) ก็ให้วางเรียงกันไปจนครบ 1 ชั้น จากนั้นเรียงผลไม้ชนิดต่อไป ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกชนิดที่เตรียมไว้ ย้ำว่าต้องเรียงผลไม้แยกชั้นกันชัดเจน พอทำเยลลี่เสร็จจะได้ออกมาสวยงาม [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ระวังอย่าใช้ชามที่ขอบตรงปากงุ้มเข้า ไม่งั้นตอนพลิกชาม เยลลี่จะไม่หลุดออกมา
- ชั้นผลไม้จะออกมาหนาแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความกว้างของชาม ถ้าอยากได้ชั้นผลไม้หนาๆ ให้ใช้ถ้วยทรงสูง แคบยาว ถ้าอยากให้ผลไม้เรียงกันเป็นชั้นบางๆ ให้ใช้ชามก้นตื้น ปากกว้างแทน เลือกได้ตามใจชอบเลย
- ถ้าเรียงผลไม้จนหมดแล้วยังไม่เต็มชามก็ไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวเยลลี่จะแทรกซึมเข้าไปตามที่ว่างระหว่างผลไม้แต่ละชิ้นเอง
โฆษณา
-
ถ้าคุณกินเจหรือกินมังสวิรัติ ก็ทำเยลลี่โฮมเมดแบบไร้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์กินเองซะเลย. ปกติไม่ว่ายี่ห้ออะไร ถ้าเป็นผงเจลาตินสำเร็จรูปสำหรับใช้ทำเยลลี่ จะทำจากเอ็นหมูหรือวัว เพราะฉะนั้นถ้าคุณกินเจหรือมังสวิรัติ ก็ต้องหาอะไรมาใช้แทนเจลาติน ซึ่งนั่นก็คือผงวุ้นอะการ์ (agar-agar) ซึ่งเป็นสารคล้ายเยลลี่ ที่ได้จากพืชจำพวกสาหร่าย ปราศจากเนื้อสัตว์แน่นอน [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณหาซื้อผงอะการ์ได้ในเน็ต หรือร้านขายอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ
-
ใส่ผงอะการ์ น้ำผลไม้ น้ำเปล่า และน้ำตาล ลงในหม้อที่ตั้งเตาไว้. ถ้าจะทำเยลลี่สีแดง ให้ใช้ผงอะการ์ 1.5 ช้อนชา กับน้ำองุ่นแดง 1 ถ้วยตวง (240 มล.) น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง (240 มล.) และน้ำตาลทรายขาว 1/4 ถ้วยตวง (60 มล.) ถ้าจะทำเยลลี่สีเขียว ให้ใช้ผงอะการ์ 1.5 ช้อนชา กับน้ำแอปเปิ้ลเขียว 1 ถ้วยตวง (240 มล.) น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง (240 มล.) และน้ำตาลทรายขาว 1/4 ถ้วยตวง (60 มล.) [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เวลาตั้งไฟให้ใช้ไฟแรง ส่วนผสมจะได้เดือดเร็วๆ
-
ต้มส่วนผสม 2 นาที หมั่นคนบ่อยๆ. ต้มจนเดือด พอเดือดแล้วก็เริ่มจับเวลา 2 นาทีได้เลย พอครบ 2 นาทีแล้วให้ยกหม้อลงจากเตาได้เลย [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าจะทำเยลลี่สีเขียว ให้ใส่สีผสมอาหารสีเขียว 2 - 3 หยดตอนนี้ได้เลย
- ถ้าจะทำเยลลี่สีแดง ก็ไม่ต้องใส่อะไร
โฆษณา
-
เทเยลลี่ที่ผสมแล้วและยังเหลวอยู่ ทับไปบนผลไม้. เทเยลลี่ที่ผสมแล้วทับผลไม้จนท่วมมิด ให้เขย่าหรือกระแทกชามเล็กน้อยๆ เยลลี่จะได้ไหลลงไปเติมช่องว่างระหว่างชิ้นผลไม้ ด้านล่างของชาม [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ให้ทำขั้นตอนนี้ทั้งตอนทำเยลลี่สำเร็จรูปและเยลลี่มังสวิรัติโฮมเมด
-
เอาชามไปแช่ตู้เย็น 1 1/2 ชั่วโมง. ความเย็นจะทำให้เยลลี่เซ็ตตัว ถ้าผ่านไป 1 1/2 ชั่วโมงแล้วเยลลี่ยังไม่เซ็ตตัวเต็มที่ ก็ให้แช่ตู้เย็นต่อไปอีกสักชั่วโมง [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าแช่ตู้เย็นตั้ง 2 1/2 ชั่วโมงแล้วเยลลี่ยังไม่ยอมเซ็ตตัว แสดงว่ามีอะไรผิดพลาด แบบนี้ให้ผสมใหม่แต่แรก หรือเช็คว่าตู้เย็นเสียหรือเปล่า
-
คว่ำชามบนจาน. ปกติเยลลี่จะหล่นลงมาในจานอย่างง่ายดาย แต่ถ้าไม่ยอมหล่นลงมา ให้เอาชามเยลลี่ไปวางในจานน้ำร้อน เพื่อให้เยลลี่ละลายเล็กน้อย พอเยลลี่เริ่มละลายแล้ว ก็ยกชามขึ้นจากน้ำร้อน แล้วลองคว่ำใส่จานดูอีกที ตอนนี้เยลลี่ก็น่าจะไหลออกมาจากแม่พิมพ์ทันที [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- จะเห็นชั้นผลไม้เป็นสีๆ โผล่มาจากเยลลี่ใสๆ ถ้าเนื้อเยลลี่ค่อนข้างขุ่น มองไม่ค่อยเห็นชั้นผลไม้ ให้หั่นก่อน จะได้เห็นผลไม้ชัดๆ
-
แช่เยลลี่ไว้ในตู้เย็น จนกว่าจะกินหรือพร้อมเสิร์ฟ. จริงๆ ทำเสร็จแล้วก็กินได้เลย แต่ถ้าจะทำไว้เสิร์ฟทีหลัง ก็ให้แช่ตู้เย็นไว้ก่อน ถ้ากลัวเยลลี่แห้ง ให้เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิด หรือห่อแรปพลาสติกไว้ เยลลี่ผลไม้แบบนี้เหมาะกับงานปาร์ตี้สังสรรค์ต่างๆ งานวันเกิด มื้อค่ำรวมญาติหรือเพื่อนๆ หรือจะทำกินเองเป็นของว่างหลังมื้ออาหารก็เหมาะทั้งนั้น [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณแช่เยลลี่ที่ทำเสร็จแล้ว เก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 7 - 10 วัน
- ห้ามเอาเยลลี่แช่ช่องฟรีซ เพราะพอน้ำแข็งละลาย เยลลี่จะเหลวเละไปด้วย
- เวลาจะกินเยลลี่ผลไม้แบบนี้ ให้เอามีดคมๆ หั่นเป็นชิ้น เหมือนเวลาหั่นเค้กยังไงอย่างงั้น
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- กระชอน
- มีด
- เขียง
- หม้อ
- แท่งหรืออุปกรณ์สำหรับคน
- ชามขนาดกลางหรือแม่พิมพ์เยลลี่
- ตู้เย็น
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.recipezazz.com/recipe/aunt-bettys-holiday-jello-fruit-salad-mold-2530
- ↑ https://www.chowhound.com/post/jell-instructions-414450
- ↑ https://www.recipezazz.com/recipe/aunt-bettys-holiday-jello-fruit-salad-mold-2530
- ↑ https://momsdish.com/recipe/602/jello-fruit-cake-dessert
- ↑ https://www.scientificamerican.com/article/bring-science-home-fruit-gelatin/
- ↑ https://www.scientificamerican.com/article/bring-science-home-fruit-gelatin/
- ↑ https://momsdish.com/recipe/602/jello-fruit-cake-dessert
- ↑ https://momsdish.com/recipe/602/jello-fruit-cake-dessert
- ↑ https://lovingitvegan.com/vegan-jello/
- ↑ https://lovingitvegan.com/vegan-jello/
- ↑ https://lovingitvegan.com/vegan-jello/
- ↑ https://momsdish.com/recipe/602/jello-fruit-cake-dessert
- ↑ https://momsdish.com/recipe/602/jello-fruit-cake-dessert
- ↑ https://www.recipezazz.com/recipe/aunt-bettys-holiday-jello-fruit-salad-mold-2530
- ↑ https://www.canitgobad.net/can-jello-go-bad/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,766 ครั้ง
โฆษณา
