ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บางทีคุณอาจจะมีโอกาสพิเศษในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้หรือมีนัดสำคัญในอีก 2-3 วันข้างหน้า หรือคุณอาจจะแค่รู้สึกแย่และอยากจะให้หวัดหายไปสักที การเป็นหวัดจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง และหงุดหงิดง่าย การเป็นหวัดนั้นเป็นเรื่องทั่วไปและพวกเราทุกคนก็เคยป่วยเป็นหวัดทั้งนั้นโดยเฉพาะในฤดูหนาว โชคร้ายทีเดียวเพราะว่าบ่อยครั้งแล้วการเป็นหวัดมักจะใช้เวลาระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้เวลา 7-10 วันทีเดียวที่จะทำให้หวัดหาย อย่างไรก็ตาม มีวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการและทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นภายใน 2 วัน คุณสามารถทำตามวิธีเหล่านี้เพื่อป้องกันการเป็นหวัดในอนาคตด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ลองใช้วิธีที่ทำได้ที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แพทย์ได้แนะนำว่าการดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยลดอาการหวัด ให้เริ่มดื่มน้ำเยอะตั้งแต่เริ่มมีอาการแน่นจมูกซึ่งเป็นสัญญาณแรกของหวัด ให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นกว่าปกติเพื่อป้องกันไม่ให้เจ็บคอ [1]
    • การดื่มชาเขียวเมื่อคุณเป็นหวัดก็ดีเยี่ยมทีเดียว ชาเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยให้ร่างกายยับยั้งการติดเชื้อ
    • ยิ่งดื่มน้ำเยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดียิ่งขึ้นเท่านั้น ถ้าร่างกายของคุณขาดน้ำจะทำให้อาการหวัดของคุณแย่ลง
  2. สิ่งหนึ่งที่แย่ที่สุดเมื่อเป็นหวัดคือคุณจะรู้สึกหมดแรง อย่าทำอะไรฝืนตัวเองมากเกินไป วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณเอาชนะโรคหวัดได้ก็คือการพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อที่ร่างกายจะได้ใช้พลังงานที่มีในการต่อสู้กับโรคหวัด ลองเข้านอนเร็วกว่าปกติดู [2]
    • โดยปกติแล้วคุณควรที่จะนอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เมื่อคุณรู้สึกไม่สบาย ให้นอนนานขึ้นอีก 1-2 ชั่วโมง การนอนหลับพักผ่อนจะทำให้ร่างกายเยียวยาตนเอง
  3. จริงๆ แล้วซุปไก่ที่แม่ของพวกเราชอบให้ทานนั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการหวัดและทำให้คุณรู้สึกดีได้เร็วขึ้น นักวิทยาศาสตร์ยังคงทำการวิจัยในเรื่องนี้อยู่ แต่หลายๆ งานวิจัยระบุว่าซุปไก่จะลดการแพร่กระจายของเมือกน้ำมูก ดังนั้น มันจึงลดอาการหวัดที่เกิดขึ้นที่ระบบหายใจส่วนบน มีรายงานระบุว่าคุณจะได้ประโยชน์เดียวกันจากซุปที่ทำเองและซุปที่ซื้อมาจากร้านค้า [3]
    • มีอาหารอื่นๆ อีกที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถบรรเทาหวัดได้ เช่น โยเกิร์ต โดยมันมีแบคทีเรียที่ "ดี" ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณจัดการกับการติดเชื้อ [4]
    • กระเทียมมีคุณสมบัติหลายอย่างที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ให้ใส่มันลงไปในซุปไก่เพื่อให้ได้ประโยชน์มากขึ้น
    • ทานขิง มันจะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ ขิงเป็นส่วนผสมที่ดีที่ควรใส่ไปในซุปไก่ของคุณ
  4. สมุนไพรเอ็กไคนาเชีย (Echinacea) ได้นำมาใช้ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและรักษาอาการป่วยมาอย่างยาวนาน มีรายงานเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่าการใช้สมุนไพรชนิดนี้จะช่วยให้คุณหายหวัดเร็วขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม เอ็กไคนาเชียและสมุนไพรอื่นๆ นั้นอาจจะมีผลข้างเคียง ให้พูดคุยกับแพทย์ก่อนที่จะใช้อาหารเสริมเอ็กไคนาเชียเพราะมันอาจจะมีผลเสียกับยาหรืออาหารเสริมอื่นๆ ที่คุณใช้อยู่ [5]
    • อาหารเสริมเอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry) จะช่วยรักษาอาการหวัด คุณสามารถหาอาหารเสริมนี้ได้ทั้งในรูปแบบยาเม็ดและยาน้ำ มันจะทำหน้าที่เหมือนยาแก้คันและลดอาการบวมในจมูก
    • เปลือกต้นสลิปเปอร์รี่เอล์ม (Slippery Elm) จะช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายเมื่อเจ็บคอ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและแพทย์ให้ระวังการใช้สมุนไพรชนิดนี้หากคุณตั้งครรภ์อยู่
  5. ถ้าคุณรู้สึกยังไหว คุณควรที่จะออกกำลังกายอย่าง พอดี การออกไปเดินเล่นนอกบ้านระยะทางสั้นๆ ก่อนอาหารเที่ยงก็จะมีประโยชน์ การออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยเปิดทางเดินหายใจให้โล่งและบรรเทาอาการหวัดได้ชั่วคราว [6]
    • อย่าออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างหนักถ้าคุณหายใจลำบากเพราะแน่นจมูก ให้ออกกำลังกายเบาๆ หรือแค่พอดีๆ
    • การออกกำลังกายนั้นเป็นวิธีธรรมชาติที่จะกระตุ้นให้คุณอารมณ์ดี ดังนั้นคุณก็อาจจะรู้สึกแย่น้อยลงหลังจากที่ได้ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย
    • อย่าออกกำลังกายถ้าคุณเป็นไข้ ไอ และท้องเสีย หรือถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยล้าหรือปวดตัว [7]
  6. ลองอาบน้ำอุ่นดู มันไม่เพียงแต่คลายกล้ามเนื้อที่ตึงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดอาการแน่นจมูกด้วย ตอนที่คุณอาบน้ำฝักบัวอยู่ ลองสั่งน้ำมูกเบาๆ โดยสั่งทีละข้าง คุณจะสังเกตได้ว่าไอน้ำอุ่นจะช่วยให้คุณหายใจได้สะดวกขึ้น [8]
    • ถ้าคุณไม่มีเวลาที่จะอาบน้ำ คุณก็ยังสามารถใช้ไอน้ำอุ่นได้โดยเปิดน้ำร้อนที่อ่างน้ำในห้องน้ำและให้ก้มหน้าลงไปเหนือชามน้ำหรืออ่างน้ำโดยที่คลุมผ้าขนหนูที่ศีรษะไว้เพื่อกักไอน้ำ หายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากไอน้ำอย่างเต็มที่
    • ลองเพิ่มสมุนไพรลงไปในน้ำ โดยหยดน้ำมันยูคาลิปตัส 2-3 หยดลงไปในอ่างอาบน้ำ รายงานบางชิ้นระบุว่ายูคาลิปตัสจะช่วยลดอาการไอ [9]
    • สะระแหน่นั้นก็มีประโยชน์มาก สารเมนทอลซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในสะระแหน่จะช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูก คุณสามารถหยดน้ำมันสะระแหน่หรือน้ำมันเปปเปอร์มินท์ลงไปในอ่างอาบน้ำเพื่อให้ได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น [10]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้ยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การหาซื้อยาแก้หวัดที่เหมาะสมกับคุณที่สุดตามร้านขายยานั้นอาจจะเป็นเรื่องท้อแท้สำหรับคุณ มียาหลากหลายชนิดมากซึ่งมันก็ยากที่จะรู้ว่าชนิดไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังป่วยอยู่อย่างนี้ ให้ขอให้เภสัชกรแนะนำยาที่ปลอดภัยและได้ผลกับคุณ [11]
    • อธิบายอาการของคุณกับเภสัชกรให้ชัดเจน ขอให้แน่ใจว่าคุณได้บอกเภสัชกรว่าคุณมีอาการง่วงซึมมากๆ หรือมีปัญหาในการนอน คุณควรที่จะบอกเขาด้วยว่าคุณมีอาการแพ้หรือไวกับสิ่งใดบ้าง
  2. คุณคงไม่อยากจะใช้ยาที่ซื้อมาจำนวนมาก ซึ่งมันจะทำให้คุณง่วงและอาจจะทำให้มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรใช้ยาชนิดเดียวในการจัดการกับโรคหวัดเพื่อความปลอดภัย เลือกยาที่จะช่วยจัดการอาการที่คุณรู้สึกว่ามันแย่ที่สุด [12]
    • ถ้าอาการหวัดทำให้คุณตื่นและไอในตอนกลางคืนให้มองหายาในร้านขายยาที่มีสารที่มีชื่อว่า Dextromethorphan
  3. โรคหวัดนั้นมาพร้อมกับอาการเจ็บปวดหลายอย่างและบางครั้งก็อาจทำให้เป็นไข้ คุณอาจจะเจ็บกล้ามเนื้อและข้อต่อ ซึ่งคุณก็อาจจะรู้สึกแย่ ลองใช้ยาแก้ปวดที่ซื้อได้ตามร้านขายยาเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ [13]
    • แอสไพรินและไอบูโพรเฟนนั้นได้ผลดีในการทำให้คุณหายจากหวัด แต่ขอให้ระลึกไว้ว่าคุณควรที่จะระวังในเรื่องปริมาณยาที่ระบุในขวดยา
    • ระมัดระวังเมื่อให้เด็กทานยาแอสไพรินเพราะมันเกี่ยวข้องกับโรคเรย์ซินโดรม (Reye's syndrome) อย่าให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบทานยาแอสไพริน และอย่าให้เด็กที่ฟื้นจากการเป็นอีสุกอีใสหรือไข้หวัดใหญ่ทานยาแอสไพริน ให้ปรึกษากับแพทย์ก่อนเสมอ [14]
  4. ถ้าคุณเป็นหวัดธรรมดา แพทย์ก็อาจจะไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้มาก ยาปฏิชีวินะได้รับการยืนยันแล้วว่าสามารถรักษาโรคไข้หวัดธรรมดาได้ดี ไม่ต้องนัดแพทย์ก็ได้ถ้าคุณเป็นแค่หวัดธรรมดา [15]
    • ถ้าอาการของคุณเรื้อรังและร้ายแรงขึ้น คุณควรที่จะโทรศัพท์หาแพทย์ คุณควรที่จะได้คำแนะนำทางการแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการหายใจ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ป้องกันการเป็นหวัดในอนาคต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีหลายขั้นตอนที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นหวัดบ่อยๆ ได้ในอนาคต ขอให้แน่ใจว่าคุณได้ทำตามคำแนะนำพื้นฐานเพื่อที่จะมีสุขภาพดี ตัวอย่างเช่น นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ [16]
    • อาหารที่ดีต่อสุขภาพนี้จะอุดมไปด้วยผักและผลไม้ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นี่จะช่วยให้ร่างกายของคุณจัดการกับเชื้อโรคได้
    • ลองทำสมาธิ งานวิจัยแสดงผลว่าผู้ที่ทำสมาธิเป็นประจำทุกวันจะป่วยน้อยลงต่อปี นี่อาจจะเป็นเพราะว่าการทำสมาธิจะช่วยลดความเครียด ซึ่งความเครียดจะเป็นการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนัก
    • ออกกำลังกายบ่อยๆ ผู้ที่ออกกำลังกาย 5 วันในหนึ่งอาทิตย์จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้น้อยกว่า เช่น โรคหวัด
  2. หวัดและไข้หวัดใหญ่จะแพร่กระจายง่ายมากและจะอยู่ในพื้นผิวแทบทุกอย่าง คุณจะรับเชื้อโรคโดยการสัมผัสสิ่งของในชีวิตประจำวัน เช่น ลูกบิดประตู และโทรศัพท์ ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะฤดูระบาดของหวัดและไข้หวัดใหญ่ [17]
    • ใช้สบู่และน้ำอุ่น ถูมืออย่างน้อย 20 วินาที ขอให้แน่ใจว่าคุณใช้ผ้าขนหนูแห้งๆ เช็ดมือ
  3. คุณสามารถลดโอกาสที่จะเผชิญกับเชื้อโรคโดยการเช็ดพื้นผิวที่คุณสัมผัสในแต่ละวัน ให้เน้นไปที่บริเวณที่คุณทำงาน เพื่อนร่วมงานอาจจะเป็นแหล่งเชื้อโรคที่พบได้ทั่วไป ขจัดเชื้อโรคออกไปด้วยการใช้ผ้าที่ฆ่าเชื้อแล้วในการทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และปากกาในตอนเช้าและเย็น [18]
    • คุณสามารถใช้วิธีเดียวกันนี้ได้ที่บ้าน ให้เช็ดพื้นผิวของสิ่งที่คุณสัมผัสบ่อยๆ เช่น ก็อกน้ำที่ห้องน้ำ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ปรึกษากับแพทย์ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าการรักษาแบบใดที่เหมาะกับคุณ
  • ลองใช้หลายๆ วิธีเพื่อจะได้พบวิธีที่ได้ผลกับคุณ
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณป่วยมากจนไม่สามารถเป็นปกติได้ขณะที่อยู่ที่ทำงานหรือที่โรงเรียน คุณควรพักอยู่ที่บ้าน การทำงานขณะที่คุณป่วยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อตัวคุณเอง มันจะทำให้อาการป่วยของคุณแย่ลงและอาจจะส่งต่อไปให้คนอื่น ถ้าคุณอยากจะหยุดพัก ก็ขอลาป่วยเลย!
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 174,560 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา