การสูญเสียการได้ยินนั้นน่ากลัว และผู้คนมีโอกาสสูญเสียการได้ยินตลอดเวลา โชคดีที่เรายังสามารถปรับปรุงการได้ยินและป้องกันหูของเราไม่ให้ได้รับความเสียหายได้หลายวิธี ถ้าเราประสบภาวะสูญเสียการได้ยินอยู่ ให้พบแพทย์เพื่อจะได้ปรึกษาหาวิธีรักษาให้หาย เรายังสามารถป้องกันตนเองไม่ให้สูญเสียการได้ยินได้อีกด้วย บทความนี้มีวิธีการง่ายๆ ที่เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เพื่อรักษาการได้ยินให้คงอยู่อีกนานหลายปี
ขั้นตอน
-
เข้าพบแพทย์ หากสังเกตเห็นว่าตนเองประสบปัญหาการได้ยิน. ถ้าการสูญเสียการได้ยินมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ให้เข้าพบแพทย์ นัดพบแพทย์และให้แพทย์ตรวจหูเพื่อจะได้รู้ถึงสาเหตุของการสูญเสียการได้ยินและรักษาได้ตรงจุด [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การตรวจอาจประกอบด้วยการตรวจหูและการตรวจการได้ยินทั่วไป แพทย์บางท่านมีเครื่องมือพิเศษที่สามารถทดสอบเยื่อแก้วหูได้อย่างละเอียดมากขึ้นไปอีก
- แพทย์อาจส่งต่อเราไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านหู (โสต ศอ นาสิกแพทย์) หรือนักโสตสัมผัสวิทยาเพื่อทดสอบเพิ่มเติม เราจะได้รู้ว่าที่จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้เราสูญเสียการได้ยินคืออะไรและหาวิธีรักษาได้ถูกต้อง
- นอกจากเราจะต้องได้รับการตรวจในกรณีที่หูค่อยๆ สูญเสียการได้ยินแล้ว การสูญเสียการได้ยินแบบฉับพลันโดยเฉพาะหูข้างเดียวก็เป็นอะไรที่ร้ายแรงเช่นกัน ในกรณีนี้รีบพบแพทย์โดยทันที
-
ให้แพทย์เอาขี้หูที่สะสมอยู่ออก หากช่องหูของเราอุดตัน. บางกรณีการสูญเสียการได้ยินเกิดขึ้นเพราะมีขี้หูอุดตันอยู่ในช่องหู เมื่อแพทย์ตรวจหูของเรา เขาจะต้องสังเกตเห็นทันที โชคดีที่ปัญหานี้แก้ง่ายมาก แพทย์จะใช้เครื่องมือหรือเครื่องดูดขนาดเล็กเอาขี้หูออกให้ พอช่องหูของเราโล่ง การได้ยินของเราก็จะดีขึ้น [2] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- แพทย์อาจให้ยาหยอดหูที่สามารถละลายขี้หูแก่เราด้วย ใช้ยาหยอดหูตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- อย่าแคะหูเองที่บ้าน เพราะอาจทำให้เยื่อแก้วหูเสียหายและทำให้ตนเองสูญเสียการได้ยินอย่างถาวรได้
-
ใช้เครื่องช่วยฟัง ถ้าหูชั้นในได้รับความเสียหาย. การสูญเสียการได้ยินเพราะหูได้รับความเสียหายหรือเพราะอายุมากเป็นการสูญเสียการได้ยินที่ไม่สามารถฟื้นฟูกลับคืนมาได้เลย โชคดีที่มีอุปกรณ์ซึ่งช่วยให้เรากลับมาได้ยินอีกครั้ง อุปกรณ์นั้นคือเครื่องช่วยฟัง อุปกรณ์เล็กๆ นี้พอดีกับหูของเราและสามารถขยายเสียงเพื่อให้เราได้ยินเสียงดีขึ้นได้ ถึงแม้เครื่องช่วยฟังจะไม่สามารถทำให้การได้ยินกลับมาเหมือนเดิมอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ช่วยให้เราดำเนินชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นเยอะ [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- มีเครื่องช่วยฟังหลายแบบตั้งแต่แบบใส่ในรูหูไปจนถึงแบบขนาดใหญ่จนทัดหลังใบหูได้ ยังมีเครื่องช่วยฟังชนิดฝังในกระดูกซึ่งมีประสิทธิภาพมากอีกด้วย แพทย์จะให้คำแนะนำแก่เราว่าเครื่องช่วยฟังแบบไหนเหมาะกับเราที่สุด [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- ยังมีเครื่องช่วยฟังแบบไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ที่อาจช่วยผู้สูญเสียการได้ยินระดับปานกลางได้ เครื่องช่วยฟังแบบนี้จะมีประสิทธิภาพดีไม่เท่าแบบมีใบสั่งแพทย์และไม่สามารถหาซื้อได้อย่างกว้างขวาง แต่ก็น่าจะใช้ได้ผล ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อจะได้รู้ข้อดีของเครื่องช่วยฟังแต่ละแบบหรือแต่ละยี่ห้อ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เข้ารับการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม ถ้าเครื่องช่วยฟังไม่สามารถช่วยได้. บางครั้งหูชั้นในได้รับความเสียหายมากจนเสียงไม่สามารถเข้าไปถึงโสตประสาทได้ เรารับมือกับความเสียหายนี้ได้ยาก แต่ก็มีข่าวดีอยู่ ประสาทหูเทียมช่วยคนที่มีปัญหานี้ได้ อุปกรณ์นี้จะอ้อมช่องหูและนำเสียงไปสู่โสตประสาทโดยตรง [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเล็กเพื่อติดตั้งประสาทหูเทียมและประสาทหูเทียมนี้จะทำให้การได้ยินของเราดีขึ้น ถ้าโสตประสาทของเราสมบูรณ์ดี
- ส่วนที่อยู่ภายนอกของประสาทหูเทียมสามารถถอดออกได้เหมือนเครื่องช่วยฟัง เราจึงสามารถใส่และถอดส่วนนี้ออกได้ [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล แต่เราไม่สามารถถอดส่วนที่อยู่ภายในออกได้
-
เข้ารับการผ่าตัดเล็กเพื่อแก้ไขความผิดปกติของช่องหู. ในบางกรณีกระดูกหรือโครงสร้างในหูเกิดความผิดปกติ ทำให้เราสูญเสียการได้ยิน การผ่าตัดเล็กจะช่วยแก้ไขความผิดปกติของช่องหูและทำให้การได้ยินของเราดีขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านหูจะให้คำแนะนำว่าเราต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่และอธิบายขั้นตอนการผ่าตัดให้เราฟัง [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าหูของเราติดเชื้อบ่อยๆ เราก็อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดเช่นกัน เพราะของเหลวอาจระบายออกจากหูได้ไม่ดี
-
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากสูญเสียการได้ยินหลังจากรับประทานยาเข้าไป. ยาบางตัวเป็นยาที่มีพิษต่อประสาทหู จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้เราสูญเสียการได้ยิน อาจมียาถึง 200 กว่าตัวที่ตกอยู่ในพวกยาที่มีพิษต่อประสาทหูและไม่มีวิธีการตรวจสอบซึ่งน่าเชื่อถือพอที่จะทำให้รู้ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับผลข้างเคียงนี้ ฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้คือการเฝ้าสังเกตการได้ยินและแจ้งแพทย์ทันที ถ้าสังเกตเห็นว่าการได้ยินมีปัญหาหลังจากรับประทานยา [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ยาที่ทำให้สูญเสียการได้ยินชั่วคราวประกอบด้วยพวกยาแก้ป่วยซาลิไซเลตอย่างเช่น แอสไพริน ควินิน ยาขับปัสสาวะบางตัว
- มียาที่อาจทำให้สูญเสียการได้ยินแบบถาวร ถ้ารับประทานมานานมาก ยาเหล่านี้ประกอบด้วยยาปฏิชีวนะอย่างเช่น เจนตามัยซินและยาเคมีบำบัด
- เราจะมีโอกาสสูญเสียการได้ยินมากขึ้น หากรับประทานยาที่มีพิษต่อประสาทหูในปริมาณมากหรือหลายชนิดในเวลาเดียวกัน กินยาตามคำสั่งของแพทย์เพื่อลดโอกาสที่จะสูญเสียการได้ยิน [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
ฝึกการหาตำแหน่งที่มาของเสียงเพื่อให้การได้ยินของเราดีขึ้น. เราสามารถรักษาหรือปรับปรุงการได้ยินด้วยการฝึกหาตำแหน่งที่มาของเสียง ให้ใครสักคนซ่อนของที่ทำเสียงได้หลายครั้งอย่างเช่น นาฬิกาปลุก เอาไว้ จากนั้นทำให้สภาพแวดล้อมมีเสียงอย่างเช่น เปิดทีวี เป็นต้น ฟังเสียงและตามเสียงนั้นไปเพื่อจะได้หาวัตถุที่ทำให้เกิดเสียงนั้นเจอ ฝึกหาตำแหน่งที่มาของเสียงบ่อยๆ จะช่วยให้ความสามารถในการได้ยินเสียงต่างๆ ดีขึ้น [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- วิธีฝีกการได้ยินอีกวิธีหนึ่งคือฟังใครสักคนอ่านข้อความท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง อย่าไปสนใจเสียงที่ดังรบกวนเราอยู่และจดจ่ออยู่กับการฟังเนื้อหาที่ผู้อื่นอ่านเท่านั้น
- ถ้าเราได้สูญเสียการได้ยินไปแล้ว การฝึกหาตำแหน่งที่มาของเสียงอาจไม่ช่วยอะไร เราจะต้องเข้ารับการตรวจหูและอาจต้องใช้เครื่องช่วยฟังแทน
-
กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อบำรุงหูของเรา. หูของเราต้องการอาหารที่เหมาะสมเพื่อให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังกะสี โพแทสเซียม กรดโฟลิก แมกนีเซียม วิตามินดี และโอเมก้า 3 จะช่วยลดการอักเสบในช่องหูและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นกับหู เราจะได้สารอาหารเหล่านี้ครบจากการกินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนได้สัดส่วนและดีต่อสุขภาพ [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ตัวอย่างอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้แก่ ผักใบเขียว กล้วย ถั่วและธัญพืช ปลา เป็ดไก่ และผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ
- เรายังสามารถกินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมได้อีกด้วย ถ้าเราไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากอาหารที่กินในแต่ละวัน ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มกินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใดๆ เพื่อจะได้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เลือกนั้นเหมาะกับเรา
-
ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อรักษาการได้ยินเอาไว้. ที่จริงแล้วการออกกำลังกายแบบแอโรบิกมีส่วนในการรักษาสภาพการได้ยิน ตราบใดที่หูของเราไม่ได้รับความเสียหาย การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยให้การได้ยินของเราดีขึ้นได้และทำให้การได้ยินยังคงดีอยู่แม้มีอายุมาก ออกกำลังกายแบบแอโรบิกวันละ 20-30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเป็นกิจกรรมที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้นอย่างเช่น การวิ่ง การปั่นจักยาน คิกบอกซิ่ง เป็นต้น เราแค่เดินทุกวันเท่านั้นก็ยังได้
- การออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านอย่างเช่น การฝึกโดยใช้น้ำหนักหรือเวทเทรนนิ่ง (weight training) ดีต่อสุขภาพของเราเหมือนกัน แต่การออกกำลังกายแบบนี้ไม่มีส่วนในการปรับปรุงการได้ยินให้ดีขึ้น หากต้องการปรับปรุงการได้ยินให้ดีขึ้น เราจะต้องออกกำลังกายแบบแอโรบิก
-
ลดความเครียดเพื่อจะได้มีจิตใจที่ผ่องใสเสมอ. ความเครียดและความวิตกกังวลมีผลต่อการได้ยินได้ [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าเรารู้สึกเครียดเป็นประจำ ให้ผ่อนคลายและลดความเครียดลง จิตใจที่ผ่องใสสามารถช่วยให้การได้ยินของเราดีขึ้นได้
- ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายอย่างเช่น การนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ หรือการหายใจเข้าลึกๆ แค่ทำกิจกรรมเหล่านี้ไม่กี่นาทีทุกวัน ก็ช่วยให้เราผ่อนคลายได้มากทีเดียว
- การทำกิจกรรมที่เราชื่นชอบช่วยลดความเครียดได้มากเช่นกัน ฉะนั้นหาเวลาทำงานอดิเรกด้วย เราจะรู้สึกเครียดน้อยลง
- อย่าลืมว่าการลดความเครียดไม่สามารถซ่อมแซมหูที่ได้รับความเสียหายได้ ฉะนั้นหากเราได้สูญเสียการได้ยินไปแล้ว เราก็อาจต้องพึ่งเครื่องช่วยฟังอยู่ดี
-
กินอาหารเสริมสมุนไพร หากมีภาวะเสียงในหู. เสียงในหูจะเป็นเสียงก้องหรือเสียงหึ่งๆ ในหู โดยปกติอาการแบบนี้จะเป็นอาการระยะแรกของภาวะสูญเสียการได้ยิน หลักฐานที่ว่ายาสมุนไพรสามารถรักษาภาวะเสียงในหูได้นั้นยังมีอยู่น้อย แต่ยาสมุนไพรบางตัวอาจช่วยได้ ถ้าเรากำลังมีภาวะเสียงในหู ลองกินอาหารเสริมเหล่านี้หลังจากได้ปรึกษาแพทย์แล้วว่าอาหารเสริมที่เลือกนั้นปลอดภัยกับเราหรือไม่ [16] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- แปะก๊วย
- สังกะสี
- วิตามินบี
โฆษณา
-
หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง. การอยู่ในบริเวณที่มีเสียงดังเป็นสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งของการสูญเสีญการได้ยิน หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมากและสถานที่ซึ่งมีเสียงอึกทึก การหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังสามารถช่วยรักษาการได้ยินของเราเอาไว้ได้และป้องกันไม่ให้หูได้รับความเสียหาย [17] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล
- โดยส่วนใหญ่หากเราต้องการคุยกับใครสักคนแล้วต่างฝ่ายต่างต้องใช้การตะโกนตอบกลับกันไปมา แสดงว่าสภาพแวดล้อมที่เราอยู่นั้นมีเสียงดังมากเกินไป
- เสียงดังเกิน 85 เดซิเบลหรือดังประมาณเครื่องยนต์ของจักรยานยนต์อาจเป็นอันตรายต่อหูของเราได้ เราสามารถดาวน์โหลดแอปของสมาร์ทโฟนเพื่อวัดระดับเดซิเบลของบริเวณที่เราอยู่ตอนนี้ จะได้รู้ว่าสภาพแวดล้อมมีเสียงดังเกินไปไหม
-
ใส่อุปกรณ์ป้องกันหู เมื่อเราต้องอยู่ในบริเวณที่มีเสียงดัง. เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงเสียงดังได้ตลอด โดยเฉพาะถ้าการอยู่กับเสียงดังนั้นเป็นส่วนหนึ่งของงานเรา [18] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล ที่อุดหูเป็นอุปกรณ์ป้องกันหูที่หยิบใช้ได้สะดวกและใช้ป้องกันเสียงได้เกือบทุกสถานที่ แต่ที่ครอบหูจะปิดกั้นเสียงได้มากขึ้นและเหมาะสำหรับใช้ป้องกันหูเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีเสียงดังมาก
- การใส่อุปกรณ์ป้องกันหูสำคัญมาก ถ้าเรากำลังใช้เครื่องมือไฟฟ้าหรือทำงานใกล้ๆ เครื่องจักรขนาดใหญ่ เสียงจากเครื่องมือไฟฟ้าหรือเครื่องจักรขนาดใหญ่สามารถสร้างความเสียหายแก่หูได้มาก
- อุปกรณ์ป้องกันหูยังเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับบาร์เทนเดอร์หรือคนที่ทำงานในสถานที่จัดคอนเสิร์ต โดยปกติเสียงดนตรีในสถานที่เหล่านี้จะดังมาก
- พกที่อุดหูติดตัวไปด้วย เผื่อต้องเข้าไปในสถานที่ซึ่งมีเสียงดังอย่างไม่ทันตั้งตัว เราจะได้สามารถป้องกันหูของตัวเองได้ตลอดเวลา [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ลดเสียงให้เบาลงเวลาฟังเสียงผ่านหูฟัง. หูฟังจะทำให้เสียงดนตรีเข้าสู่เยื่อแก้วหูโดยตรง จึงมีโอกาสที่จะสูญเสียการได้ยินสูง ฉะนั้นจำกัดความดังของเสียงเพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียการได้ยิน [20] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- ถ้าเรามักจะเพิ่มเสียงดนตรีให้ดังขึ้นเพื่อกลบเสียงอื่นๆ ขอแนะนำให้ใช้หูฟังแบบตัดเสียงรบกวน
-
อย่านำสิ่งของต่างๆ มาแคะหู. การนำวัตถุใดๆ มาแคะหูอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เยื่อแก้วหูและทำให้สูญเสียการได้ยิน อย่านำสำลีก้าน แหนบ หรือนิ้วแคะหู [21] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ MedlinePlus ไปที่แหล่งข้อมูล
- หูของเราทำความสะอาดตัวเองได้ ฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องนำสำลีก้านมาแคะขี้หู
- ถ้ามีอะไรเข้าไปในหู ให้รีบไปพบแพทย์หรือไปที่โรงพยาบาลทันที อย่าพยายามแคะหูเอาออกเอง
-
เลิกสูบบุหรี่เพื่อป้องกันหูไม่ให้ได้รับความเสียหาย. มีหลักฐานว่าการสูบบุหรี่สามารถสร้างความเสียหายแก่หูได้ เพราะการสูบบุหรี่จะลดการไหลเวียนเลือดไปที่หู ถ้าเราสูบบุหรี่ ขอให้เลิกโดยเร็วที่สุดและถ้าเราไม่สูบบุหรี่ ก็อย่าคิดลองสูบเลย [22] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Harvard Medical School ไปที่แหล่งข้อมูล
- การสูดควันบุหรี่เข้าไปก็เป็นอันตรายและสามารถสร้างความเสียหายแก่หูได้เช่นกัน หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่กำลังสูบบุหรี่และอย่าให้ใครสูบบุหรี่ภายในบ้าน
โฆษณา
เคล็ดลับ
- อาการเสียงก้องในหู หรือที่เรียกว่าเสียงในหูเป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าหูชั้นในได้รับความเสียหายและอาจเป็นอาการเริ่มต้นไปสู่การสูญเสียการได้ยิน
- ถ้าเราไปชมคอนเสิร์ตหรือการแสดงที่มีเสียงดัง ให้พักหูสักสองสามวันหลังจากนั้นและหลีกเลี่ยงการฟังเสียงดังหรือไปสถานที่ซึ่งมีเสียงดัง จะช่วยให้หูไม่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติม
- การใช้เครื่องช่วยฟังและการเข้ารับการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้น ถ้าเราไม่อยากใช้เครื่องช่วยฟังหรือฝังประสาทหูเทียม เราไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองให้ใช้หรือเข้ารับการผ่าตัดก็ได้
- อย่าเศร้าโศกเสียใจ เมื่อสูญเสียการได้ยินไป เพราะถึงแม้สูญเสียการได้ยินไป เราก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อยู่
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hearing-loss/symptoms-causes/syc-20373072
- ↑ https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hearing-loss/symptoms-causes/syc-20373072
- ↑ https://www.nhs.uk/conditions/hearing-loss/treatment/
- ↑ https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hearing-loss/diagnosis-treatment/drc-20373077
- ↑ https://www.nhs.uk/conditions/hearing-loss/treatment/
- ↑ https://www.nia.nih.gov/health/hearing-loss-common-problem-older-adults#devices
- ↑ https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hearing-loss/diagnosis-treatment/drc-20373077
- ↑ https://www.nhs.uk/conditions/hearing-loss/treatment/
- ↑ https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hearing-loss/diagnosis-treatment/drc-20373077
- ↑ https://www.asha.org/public/hearing/Ototoxic-Medications/
- ↑ https://www.uofmhealth.org/health-library/tf3092
- ↑ https://campaignforbetterhearing.ca/2016/06/5-simple-activities-to-improve-your-hearing-health/
- ↑ https://campaignforbetterhearing.ca/2016/03/five-foods-to-boost-your-hearing-health/
- ↑ https://www.hearingreview.com/hearing-loss/hearing-loss-prevention/exercise-promotes-hearing-health
- ↑ https://campaignforbetterhearing.ca/2016/06/5-simple-activities-to-improve-your-hearing-health/
- ↑ https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/tinnitus/diagnosis-treatment/drc-20350162
- ↑ https://www.nhs.uk/live-well/healthy-body/top-10-tips-to-help-protect-your-hearing/
- ↑ https://www.nhs.uk/live-well/healthy-body/top-10-tips-to-help-protect-your-hearing/
- ↑ https://www.american-hearing.org/disease/living-with-hearing-loss/
- ↑ https://www.cdc.gov/nceh/hearing_loss/infographic/
- ↑ https://medlineplus.gov/ency/article/000052.htm
- ↑ https://www.health.harvard.edu/healthbeat/save-your-hearing
โฆษณา