PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ริดสีดวงทวาร คือ เส้นเลือดดำที่ขยายตัวขึ้น พบได้ทั้งภายนอก และภายในรอบรูทวาร ซึ่งเกิดขึ้นเพราะแรงกดที่เพิ่มขึ้นในบริเวณเชิงกราน เส้นเลือดดำที่ไส้ตรง และเป็นผลจากอาการท้องผูก ท้องร่วง หรือการออกแรงเบ่งอุจจาระมากเกินไป อาการที่พบทั่วไปโดยมากคือ การมีเลือดออกระหว่างถ่ายอุจจาระ ริดสีดวงอาจจะทำให้รู้สึกคันและเจ็บปวด คุณสามารถรักษามันได้เองที่บ้าน เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต หรือใช้ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา แต่ทางที่ดีก็ควรไปพบแพทย์หากมันไม่ยอมหายหรือก่อให้เกิดอาการอย่างอื่น


วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

รักษาริดสีดวงด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณไม่ได้อยากแช่น้ำทั้งตัว คุณสามารถใช้ที่แช่ก้นได้ ซึ่งคุณจะนั่งในน้ำที่สูงแค่ประมาณ 2-3 นิ้ว ใส่ดีเกลือ 1 ถ้วย ลงในอ่างน้ำแช่ตัวที่มีน้ำเต็ม และใช้แค่ 2-3 ช้อนโต๊ะในอ่างที่มีน้ำสูงแค่ไม่กี่นิ้ว โดยใช้น้ำอุ่น แต่ระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินไป ทำซ้ำวันละ 2-3 ครั้ง [1]
    • การใช้ดีเกลืออาจช่วยเร่งการบรรเทาแผล
  2. นำผ้าขนหนูผ้าฝ้ายที่สะอาดชุบน้ำอุ่น(ไม่ใช่น้ำร้อน) ประคบลงบนริดสีดวงโดยตรง ประมาณ 10-15 นาที ทำซ้ำวันละ 4-5 ครั้ง จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวขึ้น
  3. คุณสามารถใช้สำลีชุบวิชเฮเซลหลังจากการถ่ายอุจจาระ วิชเฮเซลทำหน้าที่เป็นยาสมานแผลที่จะช่วยลดการบวม ทำอย่างน้อยวันละ 4-5 ครั้ง หรือสามารถใช้ซ้ำได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ [2]
  4. หลังจากการถ่ายอุจจาระ คุณต้องทำความสะอาดให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดอาการระคายเคือง อาจจะใช้ทิชชู่สำหรับเด็กในการเช็ดทำความสะอาด หรือกระดาษชำระชุบน้ำ จะดีกว่าการใช้กระดาษชำระแบแห้ง [3]
  5. ความเย็นจากถุงประคบเย็นอาจช่วยลดอาการบวมของริดสีดวง แต่อย่าทิ้งไว้นานเกินไป ไม่ควรใช้ถุงประคบเย็นนานเกิน 5-10 นาที ต่อครั้ง [4]
  6. ลองหาเบาะรองนั่งแบบโฟม หรือ เบาะรองนั่งรูปโดนัทมาใช้ เพื่อช่วยลดแรงกดที่อาจเกิดขึ้นกับริดสีดวง วิธีนี้ไม่ใช่การรักษาริดสีดวง แต่ก็ช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้นบ้าง ทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตกับมันได้ง่ายขึ้น
    • พึงระลึกไว้ว่าริดสีดวงนั้นเกิดจากการที่เส้นเลือดถูกแรงกดทับสูง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลีกเลี่ยงการออกแรงเบ่งมากเกินไประหว่างการขับถ่าย. ปล่อยให้แรงโน้มถ่วง และลำไส้ของคุณทำหน้าที่ของมัน ถ้าไม่สามารถถ่ายออกได้ ให้ไปทำอย่างอื่นก่อนสักชั่วโมง หรือสองชั่วโมง แล้วค่อยกลับมานั่งถ่ายอีกครั้ง สิ่งสำคัญคือ อย่าออกแรงเบ่งหรือใช้วิธีอื่นทำให้เกิดการถ่ายอุจจาระอย่างไม่เป็นไปตามธรรมชาติ
  2. เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำให้ได้วันละอย่างน้อย 8-10 แก้ว อุจจาระมีส่วนของน้ำอยู่ด้วย และยิ่งมีส่วนผสมของน้ำมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งนุ่มมากเท่านั้น ซึ่งจะทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วย
  3. ใยอาหารจะช่วยเก็บกับน้ำไว้ในอุจจาระ ทำให้อุจจาระเป็นก้อน สามารถเคลื่อนผ่านไส้ตรงและทวารหนักได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเป็นริดสีดวงจะทำให้เกิดความเจ็บปวดน้อยกว่าปกติ แหล่งใยอาหารที่ดี ได้แก่:
    • ธัญพืชครบส่วน เช่น ข้าวสีน้ำตาล บาร์เล่ย์ ข้าวโพด ข้าวไรย์ ข้าวสาลีเมล็ดแตก ข้าวบั๊ควีท ข้าวโอ๊ต
    • ผลไม้ โดยเฉพาะที่กินได้ทั้งเปลือก
    • ผัก (โดยเฉพาะผักที่มีใบมาก เช่น ผักสวิสชาร์ด (ผักกาดก้านแดง) กะหล่ำเขียว ผักโขม ผักกาดหอม ใบของต้นบีท
    • ถั่วและพืชมีฝัก แต่มีข้อควรระวังคือ บางครั้งการทานอาหารจำพวกถั่วหรือพืชมีฝักอาจทำให้เกิดแก๊สในลำไส้
  4. ยาถ่ายจะทำให้เกิดสุขลักษณะนิสัยที่ไม่ดี และทำให้ลำไส้อ่อนแอลง จนทำให้เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรัง ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณต้องใช้ยาถ่ายให้ลองใช้ยาถ่ายจำพวกสมุนไพรแทน [5]
    • มะขามแขกและเทียนเกล็ดหอยเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย มะขามแขกช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม คุณสามารถทานมะขามแขกชนิดเม็ด (ตามคำแนะนำของผู้ผลิต) หรือจะชงเป็นชาดื่มในช่วงกลางคืนก็ได้ หรือจะลองทานไฟเบอร์จากเทียนเกล็ดหอยที่พบได้ในยาระบายยี่ห้อ Metamucil. เทียนเกล็ดหอย [6] จัดเป็นยาระบายในกลุ่มที่ทำให้อุจจาระจับตัวเป็นก้อน
  5. ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ออกกำลังเพื่อเพิ่มความทนทาน หรือการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงให้หัวใจ หรือแม้แต่แค่การเดิน หลักการก็คือ การขยับร่างกายจะช่วยให้ลำไส้มีการขยับตัวเหมือนเป็นการนวดลำไส้โดยที่เราไม่ทันคิด เพราะขณะที่เราขยับตัว อวัยวะภายในของเราก็ขยับและเหมือนได้รับการนวดไปด้วย
  6. อย่ารอจนกระทั่งคุณรู้สึกว่าต้องรีบวิ่งหาห้องน้ำ ให้ถ่ายทันทีที่รู้สึกปวด แต่อย่าใช้เวลานานกับการพยายามเพื่อขับถ่าย เพราะการนั่งเป็นเวลานานเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดริดสีดวง [7]
  7. ลองดูว่าคุณสามารถจัดตารางเวลาในการขับถ่ายให้เป็นเวลาใกล้เคียงกันทุกวันโดยไม่โดนรบกวนได้หรือไม่ วิธีนี้จะช่วยให้การขับถ่ายที่มีเลือดออกทำได้ง่ายขึ้น และการขับถ่ายเป็นเวลาก็เป็นสัญญาณบอกถึงสุขภาพโดยรวมที่ดีด้วย [8]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้การรักษาทางการแพทย์เข้ามาช่วย

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาจฟังดูแปลกๆ แต่ถ้าริดสีดวงทำให้คุณรู้สึกปวดและไม่สบายตัว ลองทาเจลทาเหงือกปริมาณน้อยในบริเวณที่เป็น ตัวเจลมีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดลงได้ [9]
  2. ลองใช้โลชั่นหรือเจลที่ช่วยลดอาการปวดและคันเฉพาะจุด. ทำความสะอาดบริเวณทวารหนักอย่างเบามือด้วยน้ำอุ่น และซับให้แห้ง จากนั้นให้ทาเจลว่านหางจระเข้ หรือ ครีม เช่น ครีมยี่ห้อ Preparation H เพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองและอาการปวด ทาได้บ่อยครั้งตามต้องการ [10]
    • ยาบรรเทาอาการริดสีดวง เช่น Preparation H มักมีส่วนผสมของปิโตรเลี่ยมเจลลี่ น้ำมันแร่ น้ำมันตับปลาฉลาม และฟีนอลเอฟรีน ซึ่งทำหน้าที่เป็นยาช่วยลดอาการบวมทำให้ริดสีดวงมีขนาดเล็กลง
    • เจลว่านหางจระเข้มีส่วนผสมของสารที่ยับยั้งการติดเชื้อและช่วยรักษาบาดแผลขนาดเล็ก
    • หลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เพราะจะไปทำลายเนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่รอบริดสีดวงได้
  3. ถ้าคุณรู้สึกทรมานกับอาการปวดริดสีดวงอย่างต่อเนื่อง คุณอาจต้องทานยาระงับปวด เช่น ตัวยา อะเซตามีนโนเฟน แอสไพริน หรือ ไอบูโรโพรเฟน [11] ยาเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวขึ้นและยังช่วยลดอาการบวมด้วย และควรปรึกษาผู้ดูแลสุขภาพของคุณทุกครั้งก่อนที่จะใช้ยาที่ปกติคุณไม่เคยทาน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เมื่อต้องรับการรักษาจากแพทย์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไปพบแพทย์เมื่อมีอาการปวดมาก มีเลือดออกมาก หรือริดสีดวงไม่ยอมหาย. โดยทั่วไปมันจะหายเองภายในหนึ่งสัปดาห์เมื่อใช้การรักษาเอง แต่หากมันไม่ดีขึ้นหรือกลับมาเป็นอีกทันที ก็ควรไปพบแพทย์ คุณอาจต้องการการรักษาเพิ่มเติมถ้ามันปวดมากหรือมีเลือดออกมาก ขอจงอย่าละเลยอาการเหล่านี้นี้ [12]
    • ให้แพทย์รับทราบว่าคุณมีอาการริดสีดวงและได้ดูแลรักษามันอย่างไรมา
  2. ไปพบแพทย์ทันทีถ้ารู้สึกหน้ามืด เวียนศีรษะ จะเป็นลม. ถึงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของอาการร้ายแรงอย่างอื่น ทางที่ดีควรไปพบแพทย์ให้แน่ใจ [13]
    • นัดพบแพทย์ทันที ให้เขาทราบว่าอาการของคุณเริ่มต้นจากการเป็นริดสีดวง
  3. ปรึกษาแพทย์ถ้าคุณอายุเกิน 40 และพบว่ามีเลือดออกทางทวาร. แม้การมีเลือดออกทางทวารจะเกี่ยวกับริดสีดวงเสียส่วนใหญ่ แต่มันอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งลำไส้หรือมะเร็งทวารหนัก อย่ากังวลเกินไป แต่ก็ไปให้แพทย์วินิจฉัยอย่างถูกต้องเพื่อการรักษามันดีกว่า [14]
    • ถ้าสังเกตว่ามีเลือดออกทางทวารบ่อย ลองสังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่สี ความถี่ และความต่อเนื่องไหม รายงานการสังเกตอาการกับแพทย์เพื่อช่วยให้วินิจฉัยดีขึ้น เพราะมะเร็งลำไส้กับทวารหนักนั้นจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
  4. หลักจากสอบถามอาการ แพทย์มักดูอาการด้วยสายตา และหากริดสีดวงอยู่ข้างในก็อาจใช้นิ้วช่วยโดยการสวมถุงมือ นี่จะช่วยให้วินิจฉัยแม่นยำขึ้น [15]
    • แพทย์วินิจฉัยโดยยึดอาการของคุณเป็นหลัก
    • การตรวจสอบไม่รู้สึกเจ็บ แต่อาจเกิดตะขิดตะขวงใจบ้าง
    • ถึงแม้ริดสีดวงจะฟังดูเป็นเรื่องน่าอาย มันเป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่จะเป็นเข้าสักวัน แพทย์นั้นผ่านตากับเรื่องนี้บ่อยเสียจนคุณไม่ต้องอายเลย
  5. ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง ให้โทรหาแพทย์ประจำตัว บางครั้งคุณอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์สำหรับริดสีดวงชนิดภายนอก และบ่อยครั้งกว่าที่ริดสีดวงภายในจะต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ หากวิธีการดูแลตามด้านบนไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น โดยวิธีการรักษาที่ใช้ทั่วไป ได้แก่: [16]
    • การยิงยางรัดริดสีดวงทวาร (Ligation): การรัดหนังยางรอบฐานของริดสีดวงเพื่อตัดการไหลเวียนของเลือด
    • ฉีดสารละลายเคมีเพื่อลดขนาดของริดสีดวงโดยไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ
    • ใช้ไฟฟ้าจี้ (Cauterization) -- เพื่อทำให้ริดสีดวงไหม้จนแข็งและหยุดก่ออาการ
    • การเย็บริดสีดวง (Hemorrhoid stapling)— เป็นการผ่าตัดเย็บริดสีดวงเพื่อหยุดการไหลเวียนเลือดไม่ให้ไปเลี้ยงริดสีดวงได้
    • การผ่าตัดเอาริดสีดวงทวารออก (Hemorrhoidectomy) ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดริดสีดวงที่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของคุณออกไป
    โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าการมีเลือดออกทางทวารหนักไม่ได้เกิดจากริดสีดวง แพทย์ของคุณจะแนะนำให้ทำการตรวจเช็คที่ครอบคลุมเพิ่มขึ้น เรียกว่า การตรวจลำไส้ใหญ่ส่วนปลายและทวารหนัก หรือ การตรวจลำไส้ใหญ่ทั้งหมด เพราะอาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างหนึ่งก็คือ การมีเลือดออกทางทวารหนัก [17]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 36,200 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา