ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โดยทั่วไปแล้วหวัดไม่สามารถรักษาให้หายได้โดยตรง หวัดส่วนมากจะหายเองได้ในเวลา 3-7 วัน แต่บางครั้งก็อาจนานกว่านั้น การรักษาหวัดเป็นแค่การช่วยบรรเทาอาการเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้นและลดโอกาสที่จะเกิดอาการแทรกซ้อน ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้อาการหวัดของคุณบรรเทาลงได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ทำโพรงจมูกให้โล่ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สัญชาตญาณของคุณอาจสั่งให้คุณสั่งจมูกเมื่อมีอาการคัดจมูก แต่วิธีนี้ก็อาจส่งผลได้ทั้งผลดีและผลเสีย งานวิจัยบางส่วนค้นพบว่า การสั่งจมูกแรงๆ อาจทำให้เกิดแรงกดและขังน้ำมูกเอาไว้ในโพรงจมูก ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ [1] แต่ในทางกลับกัน ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนก็ได้บอกว่า การสั่งจมูกเป็นสิ่งที่สมควรทำเมื่อคุณเป็นหวัด เพราะจะช่วยขจัดน้ำมูกส่วนเกินออกจากร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น [2] ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือ ควรสั่งจมูกเฉพาะตอนที่จำเป็นจริงๆ
    • ไม่ว่าคุณจะเชื่อแบบไหนก็ตาม คุณก็ควรสั่งจมูกเบาๆ เพื่อไม่ให้เกิดแรงกด และใช้วิธีสั่งจมูกที่แพทย์แนะนำ คือการกดปิดรูจมูกข้างหนึ่งด้วยนิ้ว สั่งจมูกอีกข้างเบาๆ และทำซ้ำเหมือนกันกับรูจมูกอีกข้าง [2]
    • ระวังอย่าสูดน้ำมูกและหายใจแรง เพราะจะทำให้น้ำมูกกลับเข้าไปในจมูก [2] หากคุณต้องออกจากบ้าน ก็ให้พกผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษชำระเตรียมไว้ตลอด
    • คุณควร ล้างมือ ทุกครั้งหลังสั่งจมูก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสหวัด
    • การสั่งจมูกบ่อยๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าเนื้อนุ่มคุณภาพดีเช็ดเพื่อไม่ให้ระคายผิว และใช้มอยส์เจอไรเซอร์กับจมูกหากจำเป็น
    • หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษเช็ดปากหรือกระดาษยี่ห้อ Kleenex เพราะจะระคายเคืองผิวได้ง่ายกว่าผ้าเช็ดหน้า
  2. วิธีนี้เป็นวิธีการใช้ของในบ้านบรรเทาอาการหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งนิยมใช้กันมาเป็นเวลานานแล้ว เริ่มทำชาน้ำผึ้งมะนาวด้วยการต้มน้ำเปล่า เทใส่เหยือก เติมน้ำมะนาว 1 กับอีก 1/2 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้งสองช้อนชา คนให้เข้ากัน น้ำผึ้งจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ส่วนมะนาวจะช่วยให้จมูกโล่งขึ้น นอกจากนี้วิตามินซีจะยังช่วยจัดการกับเชื้อหวัดอีกด้วย
    • ชาจะช่วยบรรเทาอาการได้ในทันที และผลของมันจะอยู่ได้นานอย่างน้อยสองถึงสามชั่วโมง
    • เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ให้ดื่มชาขณะกำลังนั่งบนเก้าอี้สบายๆ หน้าเครื่องทำความร้อน คุณจะรู้สึกดีขึ้นในไม่ช้า ไวรัสในช่องจมูกจะเติบโตได้ดีในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ คุณจึงหายใจไม่สะดวกเมื่ออยู่ในที่ที่มีอากาศหนาวหรือมีลมพัด งานวิจัยจากประเทศอิสราเอลเผยว่าการหายใจเอาอากาศอุ่นๆ เข้าไปจะช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ ให้ป้องจมูกด้วยมืออุ่นๆ เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง และหายใจทางปากแทน วิธีนี้จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสที่ชอบอากาศเย็นได้
  3. ยาแก้คัดจมูกสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ในทันที มันจะช่วยลดอาการอักเสบในโพรงจมูกและลดการผลิตน้ำมูก ยาแก้คัดจมูกมีขายตามร้านขายยาทั่วไปทั้งในรูปแบบเม็ดและแบบสเปรย์ [3]
    • ระวังอย่าใช้สเปรย์ยาแก้คัดจมูกมากไป (เกิน 3 ถึง 5 วัน) เพราะจะทำให้มีน้ำมูกมากขึ้น และเกิดการสะสมของแบคทีเรียได้ [4]
  4. หนึ่งในวิธีรักษาอาการคัดจมูกซึ่งกลายเป็นที่นิยมในไม่กี่ปีที่ผ่านมากนี้ คือการล้างโพรงจมูกด้วยอุปกรณ์ล้างจมูก ใช้อุปกรณ์ล้างจมูกเทน้ำเกลือให้ไหลผ่านรูจมูกข้างหนึ่งและให้ไหลออกอีกข้างหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดน้ำมูกในโพรงจมูก และล้างมันออกไป น้ำเกลือสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือคุณจะ ทำน้ำเกลือด้วยตัวเอง ก็ได้ [5]
    • สำหรับการใช้อุปกรณ์ล้างจมูก ให้ยื่นหน้าเหนืออ่างและเอียงหัวไปด้านข้าง สอดหัวฉีดของอุปกรณ์เข้าไปยังรูจมูกที่อยู่บนสุดและเทน้ำเกลือออกมา น้ำเกลือจะไหลเข้ารูจมูกข้างหนึ่งและไหลออกอีกข้างหนึ่ง คุณสามารถเอนหัวไปด้านหลังเพื่อให้น้ำไหลล้างโพรงจมูกได้เช่นกัน
    • เมื่อน้ำไหลออกหมดแล้ว ก็ให้สั่งจมูกเบาๆ แล้วทำซ้ำกับรูจมูกอีกข้าง [6]
  5. ใช้ยาขับเสมหะเพื่อขจัดอาการคัดจมูก โดยการลดเสมหะและเสลด ทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้นและหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น [7]
    • ยาขับเสมหะมีขายตามร้านขายยาทั้งแบบชนิดน้ำ ผง และแคปซูล
    • ผลข้างเคียงจากการใช้ยาขับเสมหะมีทั้งอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ง่วง และอาเจียน หากคุณมีอาการใดอาการหนึ่งดั่งที่กล่าวมานี้ ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ทันที [7]
  6. ใช้น้ำมันหอมระเหย . น้ำมันหอมระเหยเช่นเปปเปอร์มิ้นต์ ยูคาลิปตัส กานพลู และ Tea tree oil สามารถช่วยลดอาการคัดจมูกและทำให้หายใจสะดวกขึ้นได้ การใช้น้ำมันหอมระเหยมีหลายวิธี วิธีหนึ่งคือการหยดน้ำมันหอมระเหยสักหนึ่งถึงสองหยดลงในชามใส่น้ำอุ่น จุ่มผ้าเช็ดหน้าสะอาดลงในน้ำ บิดน้ำออก และวางผ้าพักบนใบหน้าประมาณสองนาที หายใจเข้าลึกๆ และคุณจะค่อยๆ หายใจได้สะดวกขึ้น
    • คุณยังสามารถผสมน้ำมันหอมระเหยสักหนึ่งถึงสองหยดลงในเจลปิโตรเลียมเพื่อทำเจลสำหรับป้ายอกหรือเท้าก่อนเข้านอนได้อีกด้วย
    • อีกวิธีคือการหยดน้ำมันหอมระเหยใส่ชุดนอนหรืออ่างอาบน้ำ เพื่อทำให้คุณหายใจสูดกลิ่นมันเข้าไปได้ง่าย
  7. ไอร้อนจากน้ำอุ่นจะช่วยให้โพรงจมูกโล่งและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หากความร้อนทำให้คุณรู้สึกวิงเวียน ก็ให้นั่งเก้าอี้พลาสติกระหว่างอาบน้ำไปด้วย
    • หากคุณไว้ผมยาว ก็ให้ใช้ไดร์เป่าผมเพื่อรักษาความร้อนในร่างกายหลังอาบไว้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ปรับพฤติกรรมตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หยุดไปเรียนหรือทำงานสักสองถึงสามวัน วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นติดหวัดจากคุณ และเป็นการเก็บพลังงานไว้เพื่อใช้สู้กับหวัด การอยู่บ้านจะทำให้คุณรู้สึกสบายกว่าการไปนั่งป่วยในห้องเรียนหรือที่ทำงาน และทำให้คุณสามารถหาผ้าห่ม เครื่องดื่มร้อนๆ และตัวช่วยบรรเทาอื่นๆ มาใช้ได้อย่างสบายใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการลดโอกาสที่คุณจะติดโรคอื่นๆ จากคนนอกบ้านในขณะที่ภูมิคุ้มกันของคุณอ่อนแอได้ด้วย
  2. พยายามเล่าปัญหาให้หมอฟังและสอบถามว่ามีวิธีไหนรักษาได้บ้าง หากหมอสั่งยาให้ ให้แน่ใจว่าได้รับประทานยาตามที่แนะนำไว้ (ส่วนใหญ่มักจะวันละเม็ดหรือสองเม็ด) เภสัชกรก็สามารถให้คำแนะนำได้ พวกเขาอาจไม่สั่งยาให้ด้วยซ้ำ เพราะปกติหวัดจะหายได้เองภายใน 3-7 วัน แต่ถ้ามันนานเกิน 7 วันแล้ว ให้ไปพบแพทย์
  3. การรักษาระดับน้ำในร่างกายอยู่เสมอสามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัวหรือเจ็บคอ และยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอาการขาดน้ำอีกด้วย ชากับซุปร้อนๆ ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถช่วยลดอาการคัดจมูกและอาการอักเสบในจมูกและลำคอได้ด้วย [8]
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อระงับความกระหาย การดื่มน้ำให้เพียงพอขณะที่ป่วยถือเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่การดื่มมากไปอาจจะเป็นการทำให้ตับและไตทำงานหนัก [9] ให้ดื่มน้ำมากกว่าปกติเพียงเล็กน้อยเมื่อคุณป่วยอยู่ แต่อย่าถึงขั้นฝืนดื่มน้ำ 12 หรือ 15 แก้วต่อวัน
    • สิ่งที่บ่งบอกว่าคุณดื่มน้ำเพียงพอแล้วก็คือการที่คุณปัสสาวะออกมาเป็นสีเกือบใส [10] ระดับความเข้มของสีเหลืองในปัสสาวะหมายถึงระดับความเข้มข้นของของเสียในร่างกายที่ยังเจือจางไม่มากพอ ดังนั้นให้ดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้น
    • หลีกเลี่ยงกาแฟในทุกกรณี มันมีคาเฟอีนที่สามารถทำให้ร่างกายยิ่งมีอาการของหวัดหนักขึ้น
  4. ร่างกายจำเป็นต้องใช้พลังงานทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสหวัด [11] หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ อาการของคุณก็จะแย่ลงได้ พักงีบบ่อยๆ และอย่าใช้กำลังกายมากไป ยกหัวให้สูงเวลานอนหลับ เพื่อเป็นการระบายน้ำมูกออกจากโพรงจมูก [2]
    • เพิ่มหมอนหรือเบาะพิเศษเพื่อใช้หนุนเวลานอนบนเตียง แม้ว่าคุณอาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินเวลานอนก็ตาม หากคุณรู้สึกว่าหัวของคุณอยู่ในตำแหน่งแปลกๆ ก็ให้ลองวางหมอนใบที่สองไว้ระหว่างผ้าปูกับเบาะ หรือวางไว้ใต้ตัวเบาะเลย เพื่อไม่ให้รู้สึกแปลกและนอนได้สบายกว่า
  5. การใช้น้ำเกลือกลั้วคอจะช่วยทำให้คอชุ่มชื้นและเป็นการกำจัดเชื้อโรค เพราะเกลือมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ เติมเกลือหนึ่งช้อนชาลงในน้ำอุ่นและคนให้เจือจาง คุณสามารถเติมเบคกิ้งโซดาเล็กน้อยเพื่อลดความเค็มของเกลือได้ กลั้วคอประมาณสี่ครั้งต่อวันเพื่อ บรรเทาอาการเจ็บคอ [12]
    • น้ำที่ใช้จะต้องไม่เค็ม เกินไป หรือใช้กลั้วบ่อยครั้งมากไป ไม่เช่นนั้นคอของคุณจะแห้งและอาการจะแย่ลง หากน้ำเค็มเกินไปก็จะทำให้เยื่อบุผิวข้างในเสียหายได้ คุณจะต้องเติมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางให้มากกว่าเดิม คุณอาจจะรู้สึกเจ็บได้พอๆ กับการใช้น้ำล้างจมูก
  6. การเปิดเครื่องทำความชื้นหรือเครื่องทำไอระเหยในห้องที่คุณใช้พักผ่อนจะทำให้คุณรู้สึกสบายขึ้นเมื่ออากาศชื้น [13] วิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการที่โพรงจมูกและคอซึ่งแห้งและระคายเคือง แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเครื่องทำความชื้นอาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาหวัดหรือทำให้หวัดหายเร็วขึ้น
    • งานวิจัยบางส่วนบอกว่าเครื่องทำความชื้นและเครื่องทำไอระเหยอาจจะให้ผลเสียมากกว่า เนื่องจากเครื่องทำความชื้นอาจจะแพร่กระจายเชื้อโรค เชื้อรา และสารพิษได้ รวมถึงอาจทำให้เกิดแผลไหม้ได้ ดังนั้นคุณควรตัดสินใจด้วยตัวเองว่าการใช้เครื่องทำความชื้นเหมาะกับคุณหรือไม่ [14]
  7. การทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอเมื่อป่วยเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะความเย็นจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและหนาวสั่น ใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้นและห่มผ้าห่มขณะนอนหลับหรือพักผ่อนบนเตียงหรือโซฟา การทำร่างกายให้อบอุ่นไม่ได้ช่วยรักษาหวัดโดยตรง แต่ก็ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
    • มีความเชื่อที่ว่าการออกกำลังกายให้เหงื่อออกจะสามารถช่วยรักษาหวัดได้ และก็มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางส่วนที่สนับสนุนทฤษฎีนี้ด้วย นักวิ่งหลายคนบอกว่าการออกมาวิ่งตอนเช้าจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดได้
  8. ยาเหล่านี้ไม่ได้รักษาหวัดโดยตรง แต่ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ปวดหัว คัดจมูก ไข้ตัวร้อน และเจ็บคอได้ แต่ควรระวังเพราะยาแก้หวัดเหล่านี้อาจจะมีผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย และวิงเวียน คุณควรจะเข้าใจความเสี่ยงในการใช้ยาและปรึกษาแพทย์ก่อนหากคุณกำลังใช้ยารักษาโรคอื่นที่แพทย์สั่งจ่ายอยู่
    • ยาแก้ปวด เช่น Acetaminophen, Aspirin และ Ibuprofen สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว หรืออาการไข้ที่เกิดขึ้นจากหวัดได้ [15] อย่าใช้ยา Aspirin กับเด็กหรือวัยรุ่น เพราะอาจทำให้เกิดโรคเรย์ซินโดรมได้ [16]
    • ยาต้านฮิสตามีนเป็นส่วนผสมที่พบได้ทั่วไปในยาแก้หวัดและยาแก้แพ้ตามร้านขายยา ซึ่งสามารถช่วยลดน้ำมูกและน้ำตาไหลได้
    • ยาแก้ไอจะช่วยลดอาการไอ แต่ให้ใช้เฉพาะเมื่อมีอาการไอแห้งไม่มีเสมหะ [17] เพราะการไอแบบมีเสมหะจะช่วยขจัดเสมหะออกจากร่างกาย จึงไม่ควรใช้ยาระงับ อย่าใช้ยากับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ขวบ
    • ใช้ยาที่มีส่วนผสมของยาแก้คัดจมูกเมื่อโพรงจมูกบวมและหายใจลำบาก มันจะทำให้เส้นเลือดในจมูกหดตัวเพื่อเปิดทางเดินหายใจ ยาต้านฮิสตามีนจะช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้น และทำให้ง่วงนอนเพื่อที่คุณจะได้นอนหลับพักผ่อนระหว่างที่ป่วยอยู่
    • ลดเสมหะที่เกิดจากหวัดด้วยยาขับเสมหะ เพื่อที่คุณจะได้ไอขับเสมหะออกได้ง่ายขึ้น หากเสมหะข้นหรือเหนียวไป
  9. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ . บุหรี่จะทำให้ภูมิคุ้นกันอ่อนแอลงชั่วขณะ [18] และทำให้อาการหวัดรุนแรงขึ้น คุณควรงดดื่มกาแฟ ชาที่มีคาเฟอีน และน้ำโซดาด้วย
  10. มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางส่วนที่ระบุว่าซุปไก่สามารถช่วยหยุดเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิดที่ก่อให้เกิดอาการหวัดได้ [19] นอกจากนี้ซุปเหลวร้อนๆ ยังช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นและบรรเทาอาการเจ็บคอด้วย
    • คุณสามารถใส่พริกป่นลงไปในซุปเพื่อให้ความเผ็ดร้อนช่วยทำให้หัวโล่งขึ้นได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เสริมระบบภูมิคุ้มกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทานอาหารเสริมเพื่อรับวิตามินและสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นก็เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันอย่างง่าย คุณสามารถทานได้ทั้งอาหารเสริมที่มีวิตามินชนิดเดียว เช่น เม็ดวิตามินซี หรือสังกะสี หรือเลือกซื้ออาหารเสริมที่รวมวิตามินหลายชนิดไว้ในเม็ดเดียวก็ได้เช่นกัน หากคุณไม่ชอบทานปลา คุณก็สามารถรับกรดไขมันจากปลาเข้าสู่ร่างกายได้โดยการทานอาหารเสริมที่มีโอเมก้า 3 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
    • อาหารเสริมมีขายตามร้านขายยา ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ
    • การทานอาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอาจจะไม่ได้ช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้น แต่จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณกลับมาป่วยอีกครั้ง
  2. กระเทียมจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและหัวใจด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดปกติ [20] หนึ่งในประโยชน์ต่อสุขภาพของกระเทียมคือการกระตุ้นการทำงานเซลล์ภูมิคุ้นกันของร่างกาย [20]
    • ลองบดกระเทียมสดกลีบหนึ่งผสมกับน้ำผึ้งหนึ่งช้อนชานำมาเคี้ยวและกลืนดูสิ
  3. งานวิจัยใหม่ได้แนะนำว่า หากคุณกำลังจะเป็นหวัดและทานสังกะสีก่อนเป็นหวัดหนึ่งวัน คุณก็อาจจะหายหวัดเร็วขึ้นหนึ่งวันและมีอาการหวัดรุนแรงน้อยกว่าปกติ [21] [22]
  4. น้ำผึ้งเป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส และยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังเป็นหวัด คุณสามารถใช้ช้อนตักน้ำผึ้งทานได้เลย หรือคนในน้ำร้อนหรือชาเพื่อใช้ดื่มก็ได้ [23]
  5. ทานอาหารเสริมวิตามินซี ดื่มน้ำส้ม และทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี่ และสตรอว์เบอร์รี่ แม้ว่าจะยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ว่าวิตามินซีสามารถช่วยรักษาหวัดได้จริงหรือไม่ แต่ผู้ที่สนับสนุนให้ทานวิตามินซีก็แนะนำว่าการทานวิตามินซีทุกวันจะช่วยให้หายหวัดเร็วขึ้นได้ [24] [25] [26]
  6. เอ็กไคนาเซียเป็นอาหารเสริมสมุนไพรที่หลายคนกล่าวว่าสามารถช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านเชื้อไวรัสได้ แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญถกเถียงกันว่ามันสามารถช่วยรักษาหวัดได้จริงหรือไม่ แต่งานวิจัยบางอย่างก็ยืนยันว่าเอ็กไคนาเซียสามารถลดโอกาสที่จะเป็นหวัดได้ และยังช่วยให้หายหวัดเร็วอีกด้วย [27] ทานแคปซูลเอ็กไคนาเซียสองแคปซูลทันทีที่คุณเริ่มรู้สึกถึงอาการหวัด [23]
  7. เอลเดอร์เบอร์รี่ก็เป็นอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันจากธรรมชาติ ทานน้ำเชื่อมเอลเดอร์เบอร์รี่สักหนึ่งช้อน (หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพทั่วไป) หรือเติมสารสกัดเอลเดอร์เบอร์รี่ลงในเครื่องดื่มยามเช้าสักสองสามหยด
  8. [28] อย่าให้คนอื่นทานหรือดื่มอะไรก็ตามต่อจากคุณ และเปลี่ยนปลอกหมอนของคุณทุกหนึ่งหรือสองวันในขณะที่ป่วย วิธีเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสที่เชื้อหวัดจะแพร่สู่ผู้อื่น และยังช่วยขจัดเชื้อโรครอบๆ ตัวออกไปด้วย
    • ล้างมือหลังจากสั่งจมูก ไม่ใช่เพื่อตัวคุณ แต่เพื่อที่คนรอบข้างจะได้มีโอกาสติดเชื้อไวรัสจากคุณน้อยลง [29]
    • หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเป็นหรือใกล้หายหวัดก็ตาม เชื้อไวรัสหวัด (โดยทั่วไปคือเชื้อ Rhinovirus หรือ Coronavirus) ก็สามารถแพร่ไปติดผู้อื่นได้ง่าย [30] การหยุดเรียนหรือหยุดทำงานและพักอยู่บ้านถือเป็นสิ่งที่ “ควร” ทำ หากคุณจำเป็นต้องทำงานจริงๆ ก็ให้หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น อย่าแตะต้องสิ่งของ และล้างมือให้บ่อยครั้ง วิธีนี้ยังช่วยลดโอกาสที่คุณจะป่วยหนักขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ห่มผ้าห่มหรือผ้านวมเวลานอนบนเตียงหรือโซฟาเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่อย่าทำให้ร่างกายร้อนจนเกินไป โดยเฉพาะเมื่อคุณมีอาการตัวร้อนร่วมด้วย เพราะจะทำให้อาการแย่ลงได้...
  • หากอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป คุณก็ควรวางผ้าชุบน้ำสักผืนบนหน้าผาก เพื่อลดไข้และทำให้ร่างกายเย็นลง
  • สั่งจมูกเป็นประจำ แต่ระวังอย่าสั่งมากไป เพราะจะทำให้ผิวจมูกภายนอกแห้งและเจ็บได้
  • หากอาการคัดจมูกหรือน้ำมูกทำให้คุณตื่นกลางดึก ก็ให้นอนหลับโดยหนุนหมอนเพิ่มเพื่อยกให้อกและหัวอยู่ในมุม 45 องศา
  • หากคุณไอตอนกลางคืน ให้ทาวิควาโปรับที่ใต้เท้าแล้วสวมถุงเท้าทับก่อนเข้านอน
  • ใส่วิควาโปรับลงในกระทะเล็กน้อยและเทน้ำต้มเดือดลงไป ใช้ผ้าขนหนูพันหัวและยื่นหน้าอังกระทะ แม้ว่ามันจะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างชื้นและร้อนไปเสียหน่อย แต่วิธีนี้ก็จะช่วยลดอาการคัดจมูก และหากคุณเป็นไข้อยู่ วิธีนี้ก็อาจช่วยลดไข้ให้คุณได้
  • ทำความสะอาดพื้นผิวของสิ่งรอบตัวเพื่อป้องกันการติดต่อของเชื้อไวรัส
  • ไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งชี้ว่าเอ็กไคนาเซียหรือวิตามินซีสามารถช่วยป้องกันหวัดได้ เช่นเดียวกัน อุณหภูมิที่เย็นหรือร้อนเกินไปก็ไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าเป็นสาเหตุของอาการหวัด
  • เคี้ยวหมากฝรั่งสูตรไม่มีน้ำตาลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ
  • ป้ายวิควาโปรับที่จมูกเมื่อเริ่มมีอาการหวัด แต่ถ้าคุณมีอาการคัดจมูกอยู่แล้ว ก็ให้หมั่นป้ายจมูกทุกครั้งที่รู้สึกหายใจไม่ออก
  • หากคุณเป็นหวัดและที่บ้านมีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวที่ทุกคนใช้ร่วมกัน ก็ให้เช็ดเมาส์และแป้นพิมพ์ทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จแล้ว
  • พยายามขยับตัวเยอะๆ เช่น ออกวิ่ง เพราะจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้รู้สึกดีขึ้นได้
โฆษณา

คำเตือน

  • หากอาการหวัดยังคงอยู่นานเกิน 7 วัน ก็ให้ไปปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นโรคที่ร้ายแรงกว่าหวัดธรรมดา
  • หากคุณมีไข้อุณหภูมิเกิน 38 องศาเซลเซียส ก็ให้ไปปรึกษาแพทย์ ไข้สูงและอาการหนาวสั่นเป็นสัญญาณของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งร้ายแรงกว่าหวัดธรรมดา
  • ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนจะรักษาหวัดเองด้วยอาหารเสริม เพราะคุณอาจรับวิตามินซีเข้าไปเกินกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวันได้
  • องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration หรือ FDA) เตือนว่า เจลแก้คัดจมูกยี่ห้อ Zicam และเจลแก้คัดจมูกอื่นๆ สามารถทำให้สูญเสียหรือลดประสาทการรับกลิ่นได้ มีการเก็บเรียกคืนสินค้า แต่คำเตือนนี้ไม่ได้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Zicam
โฆษณา
  1. http://www.oprah.com/oprahshow/The-Dr-Oz-Health-Quiz/4
  2. http://www.medicalnewstoday.com/articles/252516.php
  3. http://www.nytimes.com/2010/09/28/health/28real.html?adxnnl=1&ref=health&adxnnlx=1322533380-k2JVB+2V72QyiAtau+eeNQ&_r=0
  4. http://www.mayoclinic.com/health/cool-mist-humidifiers/AN01577
  5. http://www.npr.org/2011/01/07/132743646/Humidifiers-Dont-Do-Lick-Of-Good-Helping-Colds
  6. http://www.mayoclinic.com/health/drug-information/DR602281
  7. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/001565.htm
  8. http://www.everydayhealth.com/cold-and-flu/cough-medicine-for-colds.aspx
  9. http://www.sciencedaily.com/releases/1999/05/990527043042.htm
  10. http://www.humanillnesses.com/Infectious-Diseases-He-My/Influenza.html
  11. 20.0 20.1 http://healthpsych.psy.vanderbilt.edu/2008/Garlic.htm
  12. http://www.reuters.com/article/2012/05/07/us-zinc-commoncold-idUSBRE8460RG20120507
  13. http://www.webmd.com/cold-and-flu/news/20110215/zinc-may-prevent-and-shorten-colds
  14. 23.0 23.1 http://www.keeperofthehome.org/2012/11/natural-cold-remedies.html
  15. http://www.webmd.com/cold-and-flu/cold-guide/vitamin-c-for-common-cold
  16. http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/article/002145.htm
  17. http://www.sfgate.com/health/article/Vitamin-C-may-shorten-cold-not-stop-it-3913861.php
  18. http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/four-natural-cold-remedies-do-they-work?page=2
  19. http://www.webmd.com/cold-and-flu/features/5-ways-stop-family-colds-spreading
  20. www.aliveberry.com/2013/06/how-to-get-rid-of-a-cold/
  21. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12001053
  22. [1] - Wikipedia article on Acute Viral Nosopharyngitis.
  23. [2] - The vitamin C foundations article on the subject.
  24. http://www.disabled-world.com/artman/publish/garlic-benefit.shtml
  25. http://www.doctorhoffman.com/wwsaline.htm
  26. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/diagnosis-treatment/treatment/txc-20199829
  27. http://www.everydayhealth.com/cold-and-flu/cold-flu-treatment.aspx

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,215 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา