ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าแม้อาการตาแห้งอาจทำให้เกิดระคายเคือง ก็มีทางแก้อยู่หลายวิธี อาการตาแห้งนั้นเป็นสภาวะที่ดวงตาไม่ได้รับน้ำหล่อเลี้ยงเพียงพอ เพราะคุณไม่สร้างน้ำหล่อเลี้ยงตาออกมาหรือน้ำหล่อเลี้ยงตามีคุณภาพต่ำ [1] อาการตาแห้งนั้นอาจจะเกิดขึ้นจากกลไกการแก่ตัวตามตามธรรมชาติ การใช้ยา ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม พันธุกรรม หรือเป็นอาการทางสุขภาพอีกหลายๆ สาเหตุ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเบาหวาน [2] ดังนั้น คุณควรเรียนรู้ที่จะรักษาอาการตาแห้งและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในภายหลัง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

การรักษาอาการตาแห้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำตานั้นไม่เพียงแค่ทำให้ตาของคุณชุ่มชื้นแล้ว ยังให้ความสำคัญต่อดวงตาอีกหลายอย่าง น้ำตาจะมีสารอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) เอ็นไซม์ป้องกันแบคทีเรีย และโปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับดวงตาของคุณ น้ำตาจะหล่อเลี้ยงดวงตาได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ความชุ่มชื้นและสารอาหารแก่ดวงตา
    • ปัญหาที่มีส่วนของการฉีกขาดใดๆ อาจส่งผลต่อดวงตาของคุณทั้งหมด สาเหตุอาจจะเกิดจากอะไรก็ได้ แต่คุณควรจะรักษาด้วยวิธีที่หลากหลาย
  2. น้ำตาเทียมนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหล่อน้ำในตาและทำให้ดวงตาของคุณชุ่มชื้นอยู่บนเปลือกตา น้ำตาเทียมไม่ได้รักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง เพียงแค่ช่วยบรรเทาอาการลงเท่านั้น [3]
    • น้ำตาเทียมบางชนิดมีส่วนประกอบของสารกันเสียซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้หากใช้มากกว่า 4 ครั้งต่อวัน ถ้าคุณต้องใช้น้ำตาเทียมมากกว่า 4 ครั้งต่อวันล่ะก็ ลองหาน้ำตาเทียมที่ไม่มีส่วนประกอบของสารกันเสียหรือลองไปปรึกษาแพทย์ดู [4]
    • หลีกเลี่ยงการใช้ที่หยอดตาร่วมกับยาสังเคราะห์อื่นๆ เช่นผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากว่าป้องกันอาการตาแดง เนื่องจากมันจะยิ่งทำให้ระคายเคือง
    • การลองผิดลองถูกเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้คุณเลือกยี่ห้อน้ำตาเทียมที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด ในบางกรณีอาจจะต้องใช้น้ำตาเทียมหลายยี่ห้อผสมกัน โดยสามารถหาได้ตามร้านขายยาทั่วไปซึ่งจะมีน้ำตาเทียมหลายประเภทให้คุณให้เลือก
  3. ยาไฮดรอกซีโพรพิลเมทิลเซลลูโลส (Hydroxypropyl methylcellulose) มีคำย่อว่าเอชพีเอ็มซี (HPMC) เป็นยาที่ใช้กันทั่วไปเพื่อรักษาอาการตาแห้ง อาการระคายเคืองตาที่เกิดจากสารทำให้ข้น หรือเรียกว่า คาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลสหรือซีเอ็มซี (Carboxymethyl cellulose (CMC)) ยากลุ่มนี้จะใช้เพื่อหล่อน้ำในตาและมักหาได้ตามร้านขายยาทั่วไป [5] คุณอาจจะลองหายาป้ายตาปฏิชีวนะ (Antibiotic eye ointment) เช่น ยาเตตราไซคลีน (Tetracycline) ยาไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) หรือคลอแรมเฟนิคอล (Chloramphenicol) นอกจากนี้ยังใช้เพื่อรักษาอาการตาบวมได้อีกด้วย
  4. ถ้าคุณลองใช้ยาหยอดตาแล้ว แต่ตาของคุณก็ยังแห้งอยู่ ลองไปพบกับจักษุแพทย์ดู เมื่อแพทย์นั้นวินิจฉัยสาเหตุของการเกิดอาการตาแห้งได้แล้ว คุณอาจจะต้องหาวิธีรักษาแบบอื่น
    • การเกิดตาแห้งมีหลายสาเหตุ เช่น สภาพอากาศ การอยู่กลางแดดนานเกินไป โรคภูมิแพ้ การใส่คอนแทคเลนส์ ภาวะวัยทองและการใช้ยารักษาโรคบางตัว เช่น ยาคลายเครียดหรือยาคุมกำเนิด
    • ถ้าคุณรู้สึกเจ็บ เช่นมีอาการคัน ร้อน หรือเห็นภาพเบลอ ควรไปพบจักษุแพทย์ [6]
    • เข้ารับการประเมินตรวจสอบหากคุณมีอาการตาแห้งเป็นประจำ โดยเฉพาะถ้าปากแห้งด้วย เนื่องจากมันอาจเป็นอาการบ่งบอกถึงปัญหาที่สาหัสกว่านั้น
  5. แพทย์อาจจะสั่งยาป้ายตาให้คุณ ซึ่งยาป้ายตานั้นจะไปรักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาแห้งโดยตรง ไม่ได้บรรเทาอาการเหมือนน้ำตาเทียม
    • ยาป้ายตานั้นจะช่วยให้ตาสบายเพราะจะมีฤทธิ์หล่อน้ำในดวงตา ซึ่งจะมีประโยชน์ในการใช้ในระยะยาวเมื่อม่สามารถใช้น้ำตาเทียมได้ (เช่น ตอนนอนหลับ)
  6. คุณอาจจะต้องใช้การรักษาที่จริงจังหรือถาวร แพทย์อาจจะแนะนำให้อุดท่อน้ำตา การทำแบบนี้จะไปปิดกันการระบายของเหลวในตาและจะทำให้ตาชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา [7]
    • ที่อุดท่อน้ำตาจะไปช่วยประหยัดน้ำตาของคุณ เหมือนใช้น้ำตาเทียมตลอดเวลา [8]
  7. ถ้าคุณอุดท่อน้ำตาไปแล้ว แต่อาการตาแห้งของคุณยังคงอยู่หรือยังรุนแรง แพทย์อาจจะแนะนำให้จี้ท่อน้ำตา เมื่อแพทย์ของคุณให้คุณผ่าตัดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาจะทดสอบคุณแล้วจึงเริ่มทำการผ่าตัด
    • ทำความเข้าใจว่าท่อน้ำตาของคุณนั้นจะรักษาตัวเองตามเวลา. คุณอาจจะต้องผ่าตัดซ้ำหรือรักษาใหม่อีกรอบ การจี้ท่อน้ำตานั้นสามารถแก้ไขได้เสมอ [9]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ป้องกันอาการตาแห้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พักสายตาหลายๆ ครั้งหลังใช้สายตาอย่างหนัก เช่นอ่านหนังสือหรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์. แม้แต่การอ่านหนังสือนั้น การพักระยะก็มีความสำคัญ เมื่อเราจ้องอยู่หน้าจอหรือหน้าหนังสือนั้น เราจะกระพริบตาน้อยเกินไป [10]
  2. รักษาความชุ่มชื้นให้กับดวงตาจากการระเหยเสมอ. อาการตาแห้งนั้นไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็มีวิธีที่จะป้องกันที่จะช่วยคุณรักษาอาการได้ น้ำตาสามารถระเหยได้เหมือนกับของเหลวทั่วไป วิธีการรักษาความชุ่มชื้นให้กับดวงตานั้นมีดังนี้ [11]
    • อย่าให้ดวงตาสัมผัสกับลมโดยตรง (เช่นเครื่องทำความร้อนในรถ ไดร์เป่าผม ไอน้ำ และลมจากเครื่องปรับอากาศ)
    • รักษาความชื้นในบ้านให้อยู่ในระดับ 30 – 50% โดยเฉพาะถ้าอาศัยอยู่ในที่อากาศแห้ง
  3. ใส่แว่นกันแดดเมื่อออกไปเจอกับแสงแดด ใส่แว่นกันลมถ้าคุณจะไปว่ายน้ำ คุณอาจจะหาซื้อแว่นแบบพิเศษจากจักษุแพทย์ได้ แว่นแบบพิเศษจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยการสร้างจุดเก็บความชื้นรอบๆ ดวงตาของคุณ
  4. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ซึ่งจะไปทำลายน้ำตาและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอีกมากมาย และหลีกเลี่ยงการขยี้ตาด้วย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียจากนิ้วและเล็บมือกระจายเข้าสู่ดวงตาของคุณ
    • ถ้าดวงตาเกิดระคายเคือง เติมน้ำเย็นสะอาดในถ้วย แล้วเอาถ้วยวางบนตาให้น้ำล้างออก ถ้าคุณมีอาการแพ้หรืออยู่ในที่ซึ่งมีสภาวะมลพิษ ให้ทำวันละครั้งหรือสองครั้งเพื่อลดการระคายเคือง
  5. ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับตัวยาที่ทำให้เกิดอาการตาแห้ง. ตัวยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) ยารักษาอาการซึมเศร้า (Antidepressant) ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ (Beta-blocker) และการรักษาโรคพาร์กินสัน จะก่อให้เกิดอาการตาแห้ง ถ้าคุณใช้ยาเหล่านี้และมีอาการตาแห้ง คุณอาจจะต้องไปปรึกษากับแพทย์ โดยอาจจะต้องเปลี่ยนยาที่มีผลข้างเคียงอย่างอื่นแทน
  6. คนที่ใส่คอนแทคเลนส์มักจะต้องเจอกับปัญหาตาแห้งควรจะตรวจสอบว่าขนาด คุณสมบัติ และวัสดุที่นำมาทำคอนแทคเลนส์นั้นเหมาะสมสำหรับดวงตา คุณควรจะไปหาจักษุแพทย์เพื่อของความช่วยเหลือเกี่ยวกับการใส่และการเลือกคอนแทคเลนส์ที้เหมาะสม
    • ดวงตานั้นจะมีน้ำไหลออกมาเมื่อใดก็ตามที่มีอะไรไปโดนมัน อย่างไรก็ตาม คอนแทคเลนส์จะทำให้ปฏิกิริยานี้ลดต่ำลง ซึ่งทำให้ใช้นานเข้าจะเกิดอาการตาแห้ง
  7. ใช้น้ำตาเทียมเหมือนยาหยอดตาเพื่อหล่อน้ำในตาของคุณให้ชุ่มชื้นเสมอ คุณอาจจะใช้ยาป้ายตาซึ่งจะอยู่นานกว่ายาหยอดตา อย่างไรก็ตาม การทำแบบนี้อาจจะก่อปัญหาเพราะสิ่งเหล่านี้มีความหนืดและจะทำให้คุณมองเห็นภาพเบลอ คุณอาจจะต้องการใช้เฉพาะตอนนอน
    • ใช้ยาหยอดตาก่อนจะดีกว่าใช้ทีหลัง แล้วทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง พยายามกระพริบตาให้บ่อยเพาะจะช่วยให้น้ำตาออกบ่อยขึ้น
  8. อาการตาแห้งอาจจะมีสาเหตุมาจากการทานเกลือมากเกินไปหรือขาดวิตามิน คุณสามารถทดสอบได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะตอนที่คุณตื่นมาเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน ถ้าตาของคุณแห้ง ให้ดื่มน้ำประมาณ 12 ออนซ์ ลองสังเกตดูว่ารู้สึกขึ้นหรือไม่ ถ้าดีขึ้นก็ให้ลดการทานเกลือและดิ่มน้ำบ่อยๆ
    • พยายามเพิ่มกรดไขมันในอาหาร โดยเฉพาะโอเมก้า 3 จะช่วยให้บรรเทาอาการตาแห้งโดยการเพิ่มการผลิตน้ำตาให้มากขึ้น [12]
    • ดูให้ดีว่าคุณได้รับวิตามินเอในปริมาณที่เพียงพอ โดยสามารถหาได้จากการทานผักและผลไม้ วิตามินเอนั้นหายากในแถบตะวันตก แต่สามารถหาได้หากทานผักและผลไม้มากพอ
    โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าอาการตาแห้งของคุณนั้นหนักมาก ให้ไปพบแพทย์ทันที โรคร้ายแรง เช่น โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ต้องไปพบจักษุแพทย์โดยปกติเพราะจะเป็นอาการแทรกซ้อนจะโรค ถ้าคุณมีโรคร้ายแรง คุณอาจจะต้องไปพบกับทีมแพทย์ที่ติดต่อร่วมกัน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรักษาได้ทุกส่วนๆ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 13,343 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา