ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ไอ เป็นอาการสามัญที่แสดงถึงการระคายเคือง เป็นได้ทั้งอาการที่เกิดขึ้นเพียงระยะสั้น หรือเป็นอาการไอเรื้อรัง สาเหตุของการไอระยะสั้น อาจเกิดขึ้นได้จากเชื้อไวรัส (เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคไข้หวัดทั่วไป โรคคอตีบ และ การติดเชื้อไวรัส RSV) เชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ และ โรคเยื่อจมูกอักเสบ ส่วนอาการไอเรื้อรังที่เกิดขึ้นนานกว่า 8 สัปดาห์ อาจเกิดขึ้นได้จากอาการของ โรคหอบหืด ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง โรคกรดไหลย้อน โรคหัวใจล้มเหลว ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด หรือ วัณโรค
ขั้นตอน
-
จำไว้ว่าการไอมีความสำคัญ. ถ้าคุณกำลังป่วยเป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการไอ คุณหมอส่วนใหญ่จะไม่เต็มใจที่จะ “รักษา” อาการไอนั้น เพราะการไอกำลังทำหน้าที่สำคัญ คือการทำให้ทางเดินหายใจของคุณโล่งขึ้น ถ้าคุณรู้สึกเหมือนอาการไอเกิดขึ้นลึกลงไปถึงส่วนหน้าอก หรือไอแล้วมีเสมหะและมูกออกมาเรื่อยๆ นั่นเป็นสิ่งที่ดี แสดงว่าร่างกายของคุณมีความสามารถโดยธรรมชาติที่จะฟื้นฟูตัวเอง fi
- ถ้าคุณมีอาการไอต่อเนื่องเกินกว่า 8 สัปดาห์ ถือว่าเข้าข่ายอาการ “ไอเรื้อรัง” คุณควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ สาเหตุทั่วไปของอาการไอเรื้อรังเกิดขึ้นได้จาก โรคหอบหืด ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง โรคกรดไหลย้อน โรคหัวใจล้มเหลว ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด วัณโรค ยาบางชนิด เช่น ยาต้านแองจิโอเทนซิน คอนเวอร์ติ้ง เอนไซม์ (ACE) อาจมีผลข้างเคียงให้เกิดอาการไอ [1] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Heart, Lung, and Blood Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ดื่มน้ำเยอะๆ. อาการไอทำให้เราสูญเสียน้ำจากอัตราการหายใจที่เร็วขึ้นและการไอ และยิ่งถ้าอาการไอของคุณมีไข้ร่วมด้วย ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้นอีก ดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำซุป หรือจิบน้ำที่ไม่ใช่น้ำส้ม การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยไม่ให้คุณเกิดอาการระคายเคืองในลำคอ ช่วยลดการเกิดเสมหะ และช่วยทำให้คุณรู้สึกสบายตัวขึ้น [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ผู้ชายควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 13 ถ้วย (3 ลิตร) ผู้หญิงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 9 ถ้วย (2.2 ลิตร) และถ้าป่วยก็ควรดื่มน้ำมากกว่านั้น [3] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม และน้ำส้ม เพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองคอมากขึ้น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- จากการวิจัยพบว่า น้ำอุ่นจะช่วยทำให้เสมหะไม่เหนียว ช่วยบรรเทาอาการไอ และอาการอื่นๆ เช่น การจาม อาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล [5] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล ดังนั้นคุณควรจะดื่มน้ำซุปอุ่นๆ ชาร้อน หรือแม้แต่กาแฟก็ได้
- เพื่อบรรเทาอาการไอ ควรดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวและน้ำอุ่น 1 ถ้วย โดยใช้มะนาวครึ่งลูก และน้ำผึ้งตามปริมาณที่คุณต้องการ ค่อยๆจิบช้าๆ [6]
X
แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้
Mayo Clinic
ไปที่แหล่งข้อมูล
- ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ ทานน้ำผึ้ง เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะแพ้อาหารได้ [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ทานผลไม้ให้มากขึ้น. จากการศึกษาพบว่า การทานอาหารที่มีใยอาหารสูง โดยเฉพาะใยอาหารจากผลไม้ จะช่วยลดอาการไอเรื้อรังและอาการที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใยอาหารที่มาจากผลไม้ จะช่วยลดอาการไอได้มากกว่าใยอาหารที่เป็นอาหารเสริม ผลไม้จำพวก แอปเปิล และแพร์ยังมีสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยในการทำงานของปอดด้วย [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ผลไม้ที่มีใยอาหารสูง เช่น ราสเบอรรี่ แพร์ แอปเปิล กล้วย ส้ม สตรอเบอรี่ [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
-
อาบน้ำอุ่น. การหายใจเอาไอร้อนจากน้ำอุ่นเข้าไปจะช่วยทำให้ทางเดินหายใจของคุณชุ่มชื้น โล่งสบาย [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล และยังช่วยบรรเทาสาเหตุของอาการไอ [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เปิดน้ำร้อนไหลผ่านฝักบัว ปิดประตูห้องน้ำ และวางผ้าขนหนูไว้ระหว่างใต้ประตูกับพื้น ใช้เวลาประมาณ 15 -20 นาที เพื่อหายใจเอาไอน้ำที่เกิดขึ้นเข้าไป
- หรือคุณจะใช้การบำบัดด้วยการสูดไอน้ำก็ได้ นำถ้วยทนความร้อนใส่น้ำเปล่าต้มเดือด วางบนโต๊ะเรียบ ยื่นหน้าไปเหนือชาม ระวังไอน้ำร้อนลวก นำผ้าขนหนูวางเหนือศีรษะแล้วหายใจลึกๆ สูดไอน้ำเข้าไป
- ระวังอย่าให้เด็กเข้าใกล้ชามน้ำร้อน เพราะอาจจะโดนลวกได้ วิธีที่ดีกว่าคือ ให้เด็กนั่งในห้องน้ำที่ปิดประตู แล้วเปิดน้ำร้อนจากฝักบัว เพื่อให้เด็กได้สูดไอน้ำเข้าไป
- จำไว้ว่า เสมหะที่แห้งจะไม่ขยับ แต่เสมหะที่ชุ่มชื้นจะถูกขับออกจากปอดและทางเดินหายใจได้ดีกว่า
-
คลายอาการหายใจไม่สะดวกด้วยเทคนิคการตบเป็นจังหวะ. ถ้าคุณอยู่ที่บ้านและมีคนช่วยได้ ใช้การตบหน้าอกเป็นจังหวะเพื่อช่วยให้หน้าอกโล่งขึ้น สามารถทำได้ทั้งในตอนเช้าและก่อนนอน [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- นั่งหันหลังพิงพนักเก้าอี้หรือกำแพง ให้คู่ของคุณทำมือเป็นรูปถ้วย โดยงอนิ้วเข้ามา และตบลงที่หน้าอกส่วนบนของคุณแบบเร็วๆ ทำประมาณ 5 นาที
- นอนคว่ำหน้าโดยรองหมอนไว้ที่ใต้สะโพก งอข้อศอกวางข้างลำตัว ให้คู่ของคุณทำมือเป็นรูปถ้วยแล้วตบเร็วๆ ที่ช่วงปีกหลังและ ไหล่ช่วงบน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
- นอนหงาย รองหมอนไว้ใต้สะโพก วางแขนข้างลำตัว คู่ของคุณทำมือเป็นรูปถ้วยแล้วตบเร็วๆที่หน้าอกส่วนบนของคุณ ทำประมาณ 5 นาที
- การ “ตบ” นี้ควรจะเกิดเสียงแบบมีลม ถ้าเสียงที่เกิดขึ้นดัง “แป๊ะๆ” ลองขอให้คู่ของคุณทำมือเป็นรูปถ้วยให้มากขึ้น
- ห้ามตบลงบนกระดูกสันหลังและไต
-
เรียนรู้วิธีการไอแบบใหม่. หากคุณรู้สึกเจ็บคอจากการไอไม่หยุด ลอง “ไอแรงๆ” เพื่อทำให้หยุดไอ [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ทำให้ปอดของคุณแฟบโดยการหายใจออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้น หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ เปิดปากไว้หลวมๆ ทำเป็นรูปตัวโอ
- หดกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนบนเพื่อทำให้เกิด การไอสั้นๆ หายใจเข้าสั้นๆ แล้วไอสั้นๆ อีกครั้ง แล้วหายใจเข้าสั้นลงอีก และไอสั้นๆ อีกครั้ง
- สุดท้าย ไอแรงๆ 1 ครั้ง คุณจะรู้สึกว่าเสมหะคลายตัวลง เนื่องจากว่าการไอสั้นๆ จะช่วยดันให้เสมหะค่อยๆ ขึ้นมาสู่ด้านบนของทางเดินหายใจ เพื่อที่คุณจะได้กำจัดมันออกไปได้ในการไอแรงๆ ครั้งสุดท้ายเพียงครั้งเดียว
-
หยุดสูบบุหรี่. การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการไอ อันที่จริงแล้วเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังเลย [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง และการสูบบุหรี่ยังส่งผลเสียกับสุขภาพของคุณด้วย การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยบรรเทาอาการไอ และเป็นการปล่อยให้ร่างกายได้เริ่มฟื้นฟูตัวเอง [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หลังจากคุณหยุดสูบบุหรี่ คุณอาจจะมีอาการไอ “มากขึ้น” ในช่วงสัปดาห์แรกๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะไปยับยั้งการทำงานของขน (Cilia) ในปอดของคุณ ยิ่งกว่านั้น การสูบบุหรี่จะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในช่องทางเดินหายใจของคุณ เมื่อคุณหยุดสูบบุหรี่ ซีเลียจะทำงานได้ดีขึ้นและอาการอักเสบเหล่านั้นจะค่อยๆหายไป ร่างกายของคุณอาจต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์เพื่อปรับตัวเข้ากับการฟื้นฟูนี้ [17] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- การหยุดสูบบุหรี่ยังช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งปอด โรคหัวใจ และการเกิดเส้นเลือดสมองอุดตัน ช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากระบบทางเดินหายใจ เช่นการไอเรื้อรัง [18] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล
- การหยุดสูบบุหรี่ยังมีผลดีกับคนรอบข้างด้วย มีคนมากมายเกิดปัญหาสุขภาพเพราะสูดดมควันจากบุหรี่ที่ตนเองไม่ได้สูบ
-
รอดู. การไอทั่วๆ ไปจะดีขึ้นได้ภายใน 2 – 3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากไม่หายและยังไอบ่อยขึ้นและดูร้ายแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์ การไอต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเป็นสัญญาณบอกถึงโรคอื่นๆ หากคุณมีปัญหาทางด้านสุขภาพที่อาจทำให้ไอ (เช่น โรคหืด โรคปอด หรือระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง) หรือมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที [19] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- เสมหะเหนียวและมีสีเขียว หรือเขียวเหลือง ต่อเนื่องหลายวัน ร่วมกับอาการปวดหัว หรือมีไข้
- เสมหะมีเลือดปน
- ไอแบบสำลัก
- หายใจมีเสียงดัง วี๊ด หรือ “ไอกรน”
- ไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส (100.5 องศาฟาเรนไฮต์) นานกว่า 3 วัน
- หายใจได้สั้นๆ เจ็บหน้าอก
- หายใจลำบาก กลืนน้ำลายลำบาก
- ริมฝีปาก ใบหน้า นิ้วมือ นิ้วเท้า มีสีฟ้า หรือ ฟ้าอมเขียว
โฆษณา
-
ใช้น้ำผึ้ง. น้ำผึ้งเป็นยาระงับอาการไอตามธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองคอ และยังช่วยลดอาการภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุของอาการไอเรื้อรังด้วย ผสมน้ำผึ้งลงในชาร้อนเพื่อช่วยบรรเทาอาการไอ [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หรือจะทานน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน เพื่อบรรเทาอาการไอก็ได้ [21] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- คุณสามารถให้เด็กอายุมากกว่า 2 ขวบทานน้ำผึ้งได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย มีการค้นพบว่า น้ำผึ้งมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการไอในเด็กได้ดีเท่ากับยาแก้ไอ dextromethorphan [22] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรให้เด็กอายุน้อยกว่า 12 เดือนทานน้ำผึ้ง เพราะจะทำให้เด็กเกิดอาการแพ้ และนำไปสู่อาการอาหารเป็นพิษขั้นรุนแรงได้ [23] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- จากการศึกษาพบว่า น้ำผึ้งบัควีทมีประโยชน์ [24] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล น้ำผึ้งที่เก็บจากพื้นที่ของคุณจะช่วยต้านอาการแพ้ทั่วๆ ไป ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของคุณได้ [25] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้สเปรย์น้ำเกลือเพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก. สเปรย์น้ำเกลือช่วยทำให้น้ำมูกในคอและลำคอไม่จับตัวเป็นก้อน จึงทำให้อาการไอลดลง คุณสามารถหาซื้อสเปรย์น้ำเกลือสำหรับล้างจมูกมาใช้ หรือจะทำเองก็ได้
- การทำน้ำเกลือล้างจมูกเอง ให้ผสมเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ ในน้ำอุ่น 4 ถ้วย คนจนเกลือละลายหมด ใช้กาล้างจมูกหรือสริงฉีดน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูก [26] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Michigan Medicine ไปที่แหล่งข้อมูล ใช้สเปรย์น้ำเกลือล้างจมูกนี้เมื่อคุณรู้สึกคัดจมูก โดยเฉพาะในช่วงก่อนนอน
- ใช้สเปรย์นี้ “ก่อน” ที่จะให้นมเด็ก
-
กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ. การกลั้วคอด้วยน้ำอุ่น จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับคอของคุณ และทำให้อาการไอหายไป [27] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถผสมน้ำเกลือกลั้วคอได้เองที่บ้าน [28] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล [29] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Heart, Lung, and Blood Institute ไปที่แหล่งข้อมูล
- ผสมเกลือ ¼ - ½ ช้อนโต๊ะ ในน้ำอุ่นหรือน้ำต้มเดือด 8 ออนซ์
- อมน้ำเกลือที่ได้และกลั้วคอประมาณ 1 นาที แล้วบ้วนออก ห้ามดื่มน้ำเกลือเข้าไป
-
ใช้เปปเปอร์มินท์. สารประกอบในเปปเปอร์มินท์ คือ เมนทอล ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาขับเสมหะ ช่วยละลายเสมหะ บรรเทาอาการไอแบบมีเสมหะ และไอแห้ง [30] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เปปเปอร์มินท์หาซื้อได้ง่ายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหอมระเหย หรือชาสมุนไพร และคุณยังสามารถปลูกเปปเปอร์มินท์เองได้ง่ายๆ ด้วย
- ดื่มชาเปปเปอร์มินท์ ช่วยบรรเทาอาการไอได้
- ห้ามทานน้ำมันเปปเปอร์มินท์เข้าไป แค่นำมาทาบนหน้าอกก็จะทำให้รู้สึกหายใจสะดวกขึ้น
-
ลองยูคาลิปตัส. ยูคาลิปตัสมีส่วนผสมของ “cineole” ซึ่งทำหน้าที่เป็นยาละลายเสมหะ บรรเทาอาการไอ [31] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถพบยูคาลิปตัสได้ในผลิตภัณฑ์ทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น ยาน้ำแก้ไอ ยาอม ขี้ผึ้ง น้ำมันยูคาลิปตัสมีขายในร้ายขายยาและร้านขายของเพื่อสุขภาพทั่วๆ ไป
- ห้ามนำน้ำมันยูคาลิปตัสเข้าปาก เพราะจะเป็นพิษกับระบบย่อยอาหาร ให้ทาน้ำมันเพียงเล็กน้อยใต้จมูกหรือบนหน้าอก เพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก และอาการไอ
- คุณสามารถลองใช้ยาแก้ไอแบบน้ำ หรือขี้ผึ้งเพื่อช่วยลดอาการไอดูบ้าง
- ต้มชายูคาลิปตัส โดยใส่ใบยูคาลิปตัสสด หรือแบบแห้งลงไปในน้ำร้อน ประมาณ 15 นาที ดื่มชานี้อย่างน้อย 3 ครั้ง ต่อวัน จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ และอาการไอ
- ห้ามใช้ยูคาลิปตัส หากคุณมีอาการหอบหืด อาการชัก โรคตับ โรคไต หรือความดันโลหิตต่ำ
-
ลองดอกคาโมมายล์. ชาจากดอกคาโมมายล์ได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนที่รู้สึกไม่ค่อยสบาย มันสามารถช่วยรักษาอาการหลอดลมอักเสบและช่วยให้นอนหลับสนิท [32] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถซื้อน้ำมันดอกคาโมมายล์ได้จากร้านอาหารเพื่อสุขภาพหรือร้านขายยาทั่วไป
- หยดน้ำมันดอกคาโมมายล์ร่วมกับการสูดไอน้ำ จะช่วยบรรเทาอาการไอ และคุณยังสามารถผสมน้ำมันคาโมมายล์เข้าไปใน “สบู่ก้อนแช่ตัวฟองฟู่” เพื่อช่วยคลายอาการคัดจมูกและลดอาการไอได้อีกด้วย
-
ใช้ต้นมาร์ชแมลโล่ว์. หมายถึงต้น “Althea officinalis” ไม่ใช่ขนมมาร์ชแมลโล่ว์นุ่มนิ่มที่คุณใส่ในโกโก้ร้อน ใบและรากของต้นมาร์ชแมลโล่ว์มีขายที่ร้านอาหารเพื่อสุขภาพหลายร้าน การทานอาหารเสริมจากต้นมาร์ชแมลโล่ว์ช่วยบรรเทาอาการไอที่เกิดจากการใช้ยาต้านแองจิโอเทนซิน คอนเวอร์ติ้ง เอนไซม์ (ACE) [40] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ชงชามาร์ชแมลโล่ว์ร้อนๆ เมื่อต้มน้ำกับใบและรากมาร์ชแมลโล่ว์ จะได้สารสกัดชนิดหนึ่งที่ช่วยเคลือบภายในลำคอของคุณและสารนี้จะช่วยลดการกระตุ้นให้เกิดอาการไอ [41] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ต้มใบมาร์ชแมลโล่ว์ 2-3 ใบ พร้อมราก ในน้ำร้อน 10 นาที กรองเอาแต่น้ำแล้วดื่มได้เลย
-
ใบฮอร์ฮาวด์ขาว. ฮอร์ฮาวด์เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้ระงับอาการไอมาตั้งแต่สมัยโบราณ คุณสามารถทานฮอร์ฮาวด์ได้ทั้งแบบผงหรือเป็นน้ำสกัด หรือจะต้มเป็นชาจากรากของฮอร์ฮาวด์ก็ได้ [42] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- วิธีต้มชาฮอร์ฮาวด์ ให้ต้มรากฮอร์ฮาวด์ในน้ำเดือด 8 ออนซ์ เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำแล้วดื่มชาที่ได้ 3 ครั้ง ต่อวัน ชาที่ได้จากฮอร์ฮาวด์จะมีรสขมมาก ดังนั้นคุณอาจเติมน้ำผึ้งลงไปก็ได้
- มียาอมหรือขี้ผึ้งบางอย่าง ที่มีฮอร์ฮาวด์เป็นส่วนผสม หากคุณมีอาการไอติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรใช้ยาอมพวกนี้ดู
โฆษณา
-
ไปพบแทพย์. แพทย์อาจจะต้องดูก่อนว่าคุณมีอาการไอมานานหรือยัง หรืออาการไอของคุณร้ายแรงไหม อาจจะถามถึงลักษณะการไอของคุณ และระยะเวลาที่คุณเริ่มมีอาการไอ อาจจะมีการตรวจศีรษะ คอ หน้าอก อาจจะมีการเก็บตัวอย่างเยื่อช่องจมูก [43] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Centers for Disease Control and Prevention ไปที่แหล่งข้อมูล และช่องคอ บางครั้งอาจจะทำการเอกซเรย์ปอด [44] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล ตรวจเลือด หรือให้การพ่นยาเพื่อตรวจรักษา
- ต้องทานยาตามที่หมอสั่ง ยิ่งถ้าเป็นยาปฏิชีวนะที่ต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย จะต้องทานยาให้หมดตามที่คุณหมอจ่ายมา เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อแบคทีเรียได้ตายหมดแล้ว ห้ามหยุดยาถึงแม้จะรู้สึกสบายดีแล้วก็ตาม
-
ปรึกษาคุณหมอของคุณถึงยาที่ซื้อทานเองได้. ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะทานยาใดๆ โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง มีอาการแพ้ยา หรือทานยาอื่นๆอยู่ หรือหากคุณต้องให้ยาแก่เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือมารดาที่ให้นมบุตร ควรปรึกษาผู้ดูแลก่อนทานยาทุกชนิด
- จำไว้ว่าไม่มีการศึกษาชิ้นไหนที่แสดงถึงข้อดีของการซื้อยาแก้หวัดและยาแก้ไอทานเอง
-
ทานยาแก้ไอที่วางจำหน่ายทั่วไป. ยาแก้ไอจะช่วยขับสารคัดหลั่งออกมาจากทางเดินหายใจของคุณ ส่วนผสมที่ดีที่สุดในยาแก้ไอคือ ไกวเฟนิซิน (Guaifenesin) หลังจากทานยาแก้ไอให้พยายามไอเมื่อต้องการไอ และบ้วนทุกอย่างที่ออกมาทิ้งไป [45] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของไกวเฟนิซิน เช่น ยี่ห้อ มูซิเน็กซ์ (Mucinex) และ โรบิทัสซิน (Robitussin) [46] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทานยาแก้แพ้ สำหรับอาการไอที่เกิดจากการแพ้. ยาแก้แพ้จะช่วยรักษาอาการที่เกิดจากการแพ้ต่างๆ เช่น อาการไอ จาม หรือน้ำมูกไหล
- ยาแก้แพ้ที่จะช่วยคุณได้ เช่น ยา Loratidine (Claritin), Fexofenadine (Allegra), Cetirizine (Zyrtec), Chlorpheniramine, and Diphenhydramine (Benadryl).
- ต้องระวังไว้ว่า ยาแก้แพ้จะทำให้เกิดอาการง่วงนอน โดยเฉพาะตัวยา Chlorpheniramine, Benadryl, และ Zyrtec ขณะที่ตัวยา Claritin และ Allegra จะทำให้เกิดอาการง่วงน้อยกว่า หากต้องการลองใช้ยาตัวใหม่ให้ลองช่วงก่อนนอน และไม่ควรขับรถหรือควบคุมเครื่องจักรหนัก จนกว่าคุณจะแน่ใจว่ายามีผลกับคุณอย่างไร
-
ใช้ยาลดอาการคัดจมูก. มียาลดอาการคัดจมูกมากมาย แต่ตัวยาสองชนิดที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ pseudoephedrine และ phenylpropanolamine แต่มีข้อควรระวังในการใช้ยานี้ คือ ถ้าคุณมีอาการคัดจมูกมาก และพึ่งทานยาลดอาการคัดจมูกไป น้ำมูกของคุณจะยิ่งมากขึ้น
- คุณอาจจะหาซื้อยาที่มีส่วนผสมของตัวยา ซูโดเฟดริน (pseudoephedrine) ได้จากเภสัชกรเท่านั้น เพราะว่าเป็นยาเฉพาะทางที่จะเก็บไว้ด้านหลังเคาน์เตอร์ร้านขายยาเท่านั้น และควรปรึกษาแพทย์ด้วยว่ายานี้คุณสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
- ถ้าคุณต้องการกำจัดน้ำมูกข้นเหนียวและลดการคัดจมูกให้ได้ผลดีที่สุด คุณสามารถใช้ยาขับเสมหะ (Guaifenesin) ร่วมกับยาลดอาการคัดจมูกได้
-
ใช้ยาระงับอาการไอให้ถูกต้อง. ถ้าอาการไอของคุณเป็นการไอเพื่อขับเสมหะ อย่าใช้ยาระงับอาการไอ แต่ถ้าคุณไอแห้งๆ ต่อเนื่อง ตอนนี้อาจจะเหมาะสมที่จะใช้ยาระงับอาการไอ
- ยาระงับอาการไอที่หาซื้อได้ทั่วไปจะมีส่วนผสมตัวยา Dextromethorphan ซึ่งไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนัก หากคุณมีอาการไอรุนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้อาการร้ายแรงมากขึ้น และแพทย์อาจเขียนใบสั่งยาที่มีฤทธิ์ระงับอาการไอแบบรุนแรงให้ (ซึ่งมักจะมีส่วนประกอบของตัวยา Codeine)
-
เคลือบคอของคุณไว้. ทำให้ลำคอของคุณรู้สึกเหมือนมีอะไรเคลือบไว้ เพื่อลดการกระตุ้นให้ไอแบบไม่เกิดผล (คือ การไอที่ไม่ได้ช่วยขับเสมหะ หรือเสลด ออกจากช่องทางเดินหายใจ) [47] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ทานยาแก้ไอแบบน้ำที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป.
- อมขี้ผึ้งหรือยาอมแก้ไอ สารคล้ายเจลที่อยู่ในขี้ผึ้งจะช่วยเคลือบลำคอของคุณและบรรเทาอาการไอลง ยาอมที่เป็นเม็ดก็ช่วยได้เหมือนกัน
- อย่าให้เด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ อมขี้ผึ้ง หรือยาอมใดๆ เพราะอาจจะติดคอได้ [48] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การอุดตันของหลอดลมเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 [49] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
ใช้เครื่องสร้างความชื้น. การเพิ่มความชื้นให้กับอากาศช่วยบรรเทาอาการไอได้ [50] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถหาซื้อเครื่องสร้างความชื้นได้จากห้างสรรพสินค้า และร้านขายยา
- ทำความสะอาดเครื่องสร้างความชื้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสม่ำเสมอ เพราะความชื้นในเครื่องสร้างความชื้นจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อราชั้นเยี่ยมหากไม่ได้รับการทำความสะอาด [51] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล
- เครื่องสร้างความชื้นแบบไออุ่นหรือไอเย็นก็ให้ผลดีเท่ากัน แต่แบบไอเย็นจะปลอดภัยในการใช้กับเด็กมากกว่า
-
กำจัดสิ่งที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง. ฝุ่น เศษผงในอากาศ (รวมถึงขนสัตว์เลี้ยงและรังแค) ควัน ล้วนทำให้เกิดอาการระคายเคืองลำคอ ทำให้เกิดอาการไอขึ้นได้ เพราะฉะนั้นควรทำสภาพแวดล้อมให้สะอาดปราศจากฝุ่นผงอยู่เสมอ [52] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณทำงานในอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับฝุ่นหรือผงในอากาศอยู่เสมอ เช่น การก่อสร้าง ควรจะใส่หน้ากากอนามัยเพื่อหลีกเลี่ยงการหายใจเอาสิ่งระคายเคืองนี้เข้าไป [53] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
นอนโดยยกศีรษะสูงขึ้น. เพื่อหลีกเลี่ยงการสำลักเสมหะ ให้ใช้หมอนรองหนุนศีรษะให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอาการไอในช่วงกลางคืนลงด้วย [54] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
เคล็ดลับ
- สร้างนิสัยที่ถูกสุขลักษณะ หากคุณมีอาการไอหรืออยู่ใกล้ผู้ที่มีอาการไอ ให้ล้างมือบ่อยๆ และอย่าใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น รวมถึงรักษาระยะห่างระหว่างคุณและผู้อื่น
- หาความรู้เพิ่มเติม สมุนไพรและยาตามธรรมชาติหลายอย่างมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการไอ แต่บางอย่างก็ไม่ช่วย เช่น มีความเชื่อว่า สับปะรดสามารถช่วยลดอาการไอได้มากกว่ายาแก้ไอธรรมดาถึง 5 เท่า แต่จากการศึกษาพบว่า ความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริง [55] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พักผ่อนให้เพียงพอ เวลาป่วยเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ การใช้ร่างกายมากๆ จะยิ่งทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ช้าลงและยิ่งทำให้เกิดอาการไอมากขึ้น
- ลองดื่ม “นมขมิ้น” (haldi doodh) ใส่ขมิ้น 1 หยิบมือ และน้ำตาล ลงในนม 1 แก้ว ต้มด้วยไฟอ่อน ประมาณ 10 – 15 นาที รอให้เย็นลงสักครู่ ดื่มตอนอุ่นๆ จะช่วยทำให้สบายคอขึ้น
- หลีกเลี่ยงการเข้าสู่ที่ที่มีอากาศร้อนทันทีหลังจากอยู่ในที่เย็น การเปลี่ยนแปลงอุณภูมิอย่างรวดเร็วจะทำให้ร่างกายเกิดความเครียดขึ้น และระบบปรับอากาศกลางที่ใช้การหมุนเวียนอากาศที่มีอยู่ก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะแอร์จะแพร่เชื้อโรคและจุลินทรีย์ และยังทำให้ผิวแห้งอีกด้วย
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/cough/treatment
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/tc/coughs-home-treatment
- ↑ http://www.mayoclinic.org/healthy-living/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/water/art-20044256
- ↑ http://kidshealth.org/parent/firstaid_safe/sheets/cough_sheet.html
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/9443519
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/in-depth/cold-remedies/art-20046403
- ↑ http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/infant-and-toddler-health/expert-answers/infant-botulism/faq-20058477
- ↑ http://www.atsjournals.org/doi/full/10.1164/rccm.200306-789OC
- ↑ http://www.atsjournals.org/doi/full/10.1164/rccm.200306-789OC
- ↑ http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/high-fiber-foods/art-20050948
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/3303983
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/cold-guide/cold-remedies
- ↑ http://www.uofmhealth.org/health-library/hw185489
- ↑ http://www.copdsupport.ie/about-copd/how-to-manage-with-c-o-p-d/controlled-coughing/cough-technique
- ↑ http://www.medicinenet.com/chronic_cough/page4.htm#are_there_home_remedies_for_chronic_cough
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/coughs/page7_em.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/quit-smoking/expert-answers/quit-smoking/faq-20057818
- ↑ http://www.cdc.gov/tobacco/data_statistics/fact_sheets/cessation/quitting/index.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/symptoms/cough/basics/when-to-see-doctor/sym-20050846
- ↑ http://www.mayoclinic.com/health/honey/AN01799/METHOD=print
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/expert-answers/honey/faq-20058031
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18056558
- ↑ , http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/expert-answers/honey/faq-20058031
- ↑ http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18056558
- ↑ http://www.modernalternativehealth.com/2013/05/10/the-amazing-benefits-of-local-raw-honey/
- ↑ http://www.med.umich.edu/1libr/PedSurgery/ColorectalProgram/SalineSolution.pdf
- ↑ http://www.medicinenet.com/chronic_cough/page4.htm#are_there_home_remedies_for_chronic_cough
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/in-depth/cold-remedies/art-20046403
- ↑ http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/cough/treatment
- ↑ http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/peppermint
- ↑ http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/eucalyptus
- ↑ http://umm.edu/health/medical-reference-guide/complementary-and-alternative-medicine-guide/herb/german-chamomile
- ↑ http://www.medicinenet.com/ginger_zingiber_officinale-oral/article.htm#Uses
- ↑ http://www.medicinenet.com/chronic_cough/page4.htm#are_there_home_remedies_for_chronic_cough
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/cold-guide/chicken_soup_and_recipes_for_cold?page=2
- ↑ https://www.ghc.org/kbase/topic.jhtml?docId=hn-2174009&print=true
- ↑ http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/cough
- ↑ http://www.healthline.com/health/health-benefits-of-thyme
- ↑ http://abc.go.com/shows/the-chew/recipes/honey-thyme-tea-daphne-oz
- ↑ http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-774-marshmallow.aspx?activeingredientid=774&activeingredientname=marshmallow
- ↑ http://umm.edu/health/medical/altmed/herb/marshmallow
- ↑ http://www.uofmhealth.org/health-library/hn-2109003
- ↑ http://www.cdc.gov/flu/professionals/diagnosis/rapidlab.htm
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/bronchitis/basics/tests-diagnosis/con-20014956
- ↑ http://www.emedicinehealth.com/coughs/page6_em.htm
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/tc/coughs-home-treatment
- ↑ http://symptoms.webmd.com/cold-and-flu-map-tool/treating-your-cough
- ↑ http://www.nursingcenter.com/journalarticle?Article_ID=840619
- ↑ https://www.health.ny.gov/prevention/injury_prevention/choking_prevention_for_children.htm
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/tc/coughs-home-treatment
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/expert-answers/cool-mist-humidifiers/faq-20058199
- ↑ http://www.medicinenet.com/chronic_cough/page4.htm#are_there_home_remedies_for_chronic_cough
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/tc/coughs-home-treatment
- ↑ http://www.webmd.com/cold-and-flu/tc/coughs-home-treatment
- ↑ http://www.snopes.com/medical/homecure/pineapple.asp
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,742 ครั้ง
โฆษณา