ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากคุณกำลังมองหาเค้กหอมอร่อยที่มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก มาลองลงมือทำเค้กสไตล์ไนจีเรียนกันดูดีกว่า เริ่มจากตีเนยและมาร์การีนเข้ากับน้ำตาลจนขึ้นฟู จากนั้นเติมแป้งและผงฟูลงไปผสมให้เข้ากันและเทนมสดตามลงไป เทส่วนผสมแป้งเค้กลงในพิมพ์อบขนมทรงกลมโดยแบ่งออกเป็น 2 ถาดแล้วอบจนกระทั่งเนื้อเค้กเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง เค้กสไตล์ไนจีเรียนสามารถจัดเสิร์ฟได้เลยทันทีเมื่ออบเสร็จเรียบร้อยแล้ว หรือจะตกแต่งเพิ่มเติมด้วยการปาดด้วยครีมฟรอสติ้งและวางเนื้อเค้กประกบกันหรือการคลุมด้วยฟองดองเพื่อเพิ่มความน่าทานให้กับเค้กสไตล์ไนจีเรียนของคุณ

ส่วนประกอบ

  • แป้งอเนกประสงค์ 4 ถ้วย (520 กรัม)
  • น้ำตาล 2 ถ้วย (400 กรัม)
  • เนยจืด 1 ถ้วย (226 กรัม) พักให้นิ่ม
  • มาร์การีน 1 ถ้วย (226 กรัม)
  • ไข่ไก่ 10 ฟอง เก็บในอุณหภูมิห้อง
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร)
  • นมผง 4 ช้อนโต๊ะ (26 กรัม) หรือ นมสด ½ ถ้วย (120 มิลลิลิตร)
  • น้ำเปล่า ½ ถ้วย (120 มิลลิลิตร) หากเลือกใช้นมผง
  • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ (14 กรัม)
  • จันทร์เทศ ½ ช้อนชา (1 กรัม) ขูดเป็นผง (เพิ่มเติม)

สำหรับเค้กที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8-9 นิ้ว (20-23 เซ็นติเมตร)

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ผสมส่วนผสมแป้งเค้ก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสและเคลือบพิมพ์ให้เรียบร้อย. เตรียมพิมพ์ขนาด 8-9 นิ้ว (20-23 เซ็นติเมตร) ไว้ 2 อัน ทาเนยและโรยแป้งบางๆ บนพิมพ์หรือใช้สเปรย์น้ำมันฉีดให้ทั่ว. [1]
    • คุณอาจใช้กระดาษรองอบปูรองพิมพ์ไว้เพื่อให้สามารถนำเค้กออกมาจากพิมพ์ได้ง่ายขึ้น
  2. เติมนมผง 4 ช้อนโต๊ะ (26 กรัม) และน้ำเปล่า ½ ถ้วย (120 มิลลิลิตร) ลงไปในชาม ตีหรือคนจนกระทั่งนมผงละลาย [2]
    • คุณสามารถเลือกใช้นมสด ½ ถ้วย (120 มิลลิลิตร) แทนการละลายนมผงในน้ำเปล่า
  3. ผสมแป้ง ผงฟู และจันทร์เทศเข้าด้วยกันในชามผสมอีกใบหนึ่ง. เติมแป้งอเนกประสงค์ 4 ถ้วย (520 กรัม) และผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ (14 กรัม) ลงในชามผสมอีกใบหนึ่ง หากต้องการให้เค้กมีรสเผ็ดเล็กน้อย คุณสามารถเติมจันทร์เทศขูด ½ ช้อนชา (1 กรัม) เพิ่มลงไปได้เช่นัน [3]
    • คนประมาณ 30 วินาทีเพื่อคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
  4. ตีเนย มาร์การีน และน้ำตาลนาน 5-10 นาทีให้ขึ้นฟู. เติมเนยจืดที่พักจนนิ่ม 1 ถ้วย (226 กรัม) มาร์การีน 1 ถ้วย (226 กรัม) และน้ำตาล 2 ถ้วย (400 กรัม) ลงไปในชามผสมใบใหญ่ ใช้เครื่องผสมอาหารแบบมือถือหรือแบบตั้งโต๊ะตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันด้วยความเร็วปานกลาง [4]
    • ส่วนผสมที่ตีเข้ากันแล้วควรขึ้นฟูและมีสีออกนวลๆ
    • หากไม่มีเครื่องผสมอาหาร คุณสามารถใช้ช้อนไม้แทนได้เช่นกัน จำไว้ว่าการตีส่วนผสมด้วยมือจะใช้เวลานานขึ้นกว่าเดิม 5-10 นาที
  5. ตอกไข่ไก่ทีละฟองลงไปตีเข้าด้วยกันด้วยความเร็วปานกลาง. ในขณะที่ยังตีส่วนผสมอยู่ ให้คุณตอกไข่ไก่ทีละฟองลงไปตีเข้าด้วยกัน และเมื่อไข่ตีที่ตอกลงไปเข้ากันกับส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวแล้วจึงตอกไข่เพิ่มลงไปอีกฟองหนึ่ง ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใส่ไข่ลงไปจนครบทั้ง 10 ฟอง [5]
    • ไข่ที่มีอุณหภูมิห้องจะผสมเข้ากันกับส่วนผสมเปียกได้ดีกว่า เพราะไข่ที่มีอุณหภูมิที่เย็นเกินไปอาจทำให้ส่วนผสมเปียกแยกตัวกันได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนผสมเปียกและไข่จะสามารถผสมเข้ากันได้อีกครั้งเมื่อคุณเติมส่วนผสมแห้งลงไป
  6. ตีส่วนผสมเปียกต่ออีก 2 นาทีด้วยความเร็วสูงปานกลางและเติมกลิ่นวานิลลาลงไป. เพิ่มความเร็วของเครื่องผสมอาหารและตีส่วนผสมต่อจนกระทั่งเริ่มมีสีออกนวลๆ แล้วจึงเติมกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร) ลงไปตีให้เข้ากัน [6]
  7. ปรับความเร็วเครื่องผสมอาหารเป็นความเร็วต่ำและเติมส่วนผสมแห้ง ⅓ ส่วนลงไปตีให้เข้ากัน จากนั้นเทนมครึ่งหนึ่งลงไปและตีเข้าด้วยกันก่อนเติมส่วนผสมแห้งอีก ⅓ ส่วนเพิ่มลงไป เทนมส่วนที่เหลือลงไปตีให้เข้ากันแล้วปิดท้ายด้วยการเติมส่วนผสมแห้งส่วนสุดท้ายลงไป ตีต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งส่วนผสมแห้งที่เติมลงไปท้ายสุดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว [7]
    • ไม่มีปัญหาอะไรหากส่วนผสมแป้งเค้กจับตัวกันเป็นก้อนเล็กน้อย
    • การตีส่วนผสมแป้งเค้กนานจนเกินไปอาจทำให้เค้กที่อบออกมามีเนื้อที่แข็งและกระด้าง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

อบเค้ก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แบ่งส่วนผสมแป้งเค้กออกเป็น 2 ส่วนและเทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้. ตักส่วนผสมแป้งเค้กครึ่งหนึ่งลงในพิมพ์ที่เคลือบไว้แล้วและเทส่วนผสมที่เหลือลงไปในพิมพ์อีกอันหนึ่ง ใช้ด้านหลังของช้อนปาดด้านหน้าของแป้งเค้กให้เรียบเนียน [8]
  2. นำส่วนผสมแป้งเค้กทั้งสองถาดเข้าเตาอบและอบจนกระทั่งเนื้อเค้กเร่ิมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองและฟูขึ้นมาจนถึงขอบถาด [9]
    • ลองทดสอบดูว่าเค้กสุกได้ที่แล้วหรือยังโดยใช้อุปกรณ์ทดสอบเนื้อเค้กหรือไม้เสียบอาหารจิ้มลงไปที่ตรงกลางของเนื้อเค้ก หากไม่มีเนื้อเค้กติดออกมาแสดงว่าเค้กสุกได้ที่แล้ว แต่หากเค้กยังคงไม่สุกดี ให้คุณนำเค้กเข้าไปอบต่ออีก 3-5 นาทีและลองทดสอบดูอีกครั้ง
  3. นำเค้กออกจากเตาอบและวางพักบนตะแกรงให้เย็นลง เมื่อเค้กเย็นสนิทแล้วจึงแกะออกจากพิมพ์และวางไว้บนตะแกรงดังเดิม [10]
  4. วางเนื้อเค้กประกบกันและปาดด้วยครีมฟรอสติ้งหากต้องการทำเลเยอร์เค้ก. ปาด บัตเตอร์ครีมวานิลลา บนหน้าเค้กชิ้นหนึ่งแล้วนำเค้กอีกชิ้นหนึ่งวางประกบลงไป จากนั้นปาดครีมฟรอสติ้งเพิ่มให้ทั่วทั้งด้านบนและด้านข้าง [11]
    • คุณยังสามารถใช้ ฟองดอง คลุมหน้าเค้กเพื่อตกแต่งให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
  5. หากไม่ต้องการตกแต่งเค้กเพิ่มเติม เพียงใช้น้ำตาลไอซิ่งโรยบนหน้าเค้กทั้งสองชิ้นก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ตัดแบ่งเค้กเป็นชิ้นๆ และเสิร์ฟคู่กับนมถั่วเหลือง น้ำอ้อย หรือนมไทเกอร์นัท [12]
    • นำเค้กที่ทานเหลือเก็บไว้ในกล่องสูญญากาศและปิดฝาให้แน่น คุณสามารถเก็บเค้กในบริเวณที่มีอุณหภูมิห้องได้ 1-2 วันหรือในตู้เย็นได้นานถึง 1 สัปดาห์
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากต้องการเพิ่มรสชาติให้เค้กของคุณด้วยบรั่นดี ให้คุณเติมบรั่นดี 1-2 ช้อนโต๊ะ (15-30 มิลลิลิตร) เพิ่มลงไปในส่วนผสมแป้งเค้กพร้อมกับกลิ่นวานิลลา
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ถ้วยตวงหรือช้อนตวง
  • ชาม
  • ช้อน
  • เครื่องผสมอาหารพร้อมหัวตี
  • สเปรย์น้ำมัน
  • กระดาษรองอบ (เพิ่มเติม)
  • อุปกรณ์ทดสอบเนื้อเค้กหรือไม้เสียบอาหาร
  • พิมพ์อบขนมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8-9 นิ้ว (20-23 เซ็นติเมตร) 2 อัน
  • ตะแกรง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,316 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา