ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการคัดจมูกเกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดบริเวณเยื่อบุผิวในโพรงจมูก ซึ่งมักจะมาจากโรคหวัดหรือภูมิแพ้ การมีน้ำมูกในจมูกมากเกินไปจะทำให้หายใจลำบาก สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ทั่วไป มันอาจจะทำให้รู้สึกรำคาญและอึดอัด แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับเด็กแรกเกิดได้ โชคดีที่อาการคัดจมูกนั้นสามารถแก้ได้โดยใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเพียงน้อยนิด โปรดจำไว้ว่าอาการคัดจมูกจะไม่หายขาดจนกว่าอาการติดเชื้อที่มีอยู่จะหายไป เพราะระบบภูมิคุ้มกันจะต้องสร้างน้ำมูกขึ้นมาเพื่อดักจับและทำลายเชื้อโรคต่างๆ และวิธีต่อไปนี้เป็นเพียงวิธีดูแลรักษาเท่านั้น ไม่ใช่การแก้อาการให้หายขาด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

วิธีแก้เบื้องต้นสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

ดาวน์โหลดบทความ
    • การสั่งน้ำมูกตอนคัดจมูกและไม่มีอะไรออกมาจะยิ่งทำให้อาการแย่ลง อยู่ให้ห่างจากกระดาษทิชชู่ และใช้มันเฉพาะเวลาที่น้ำมูกไหลเท่านั้น
    • การสั่งน้ำมูกแรงๆ ซ้ำๆ จะทำให้เนื้อเยื่อที่บอบบางด้านในโพรงจมูกอักเสบมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ยิ่งคัดจมูก ในช่วงแรกอาจจะดูฝืนธรรมชาติ แต่คุณจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อคุณสั่งน้ำมูกน้อยลง
  1. คุณอาจจะหายาชนิดอื่นที่ช่วยบรรเทาอาการนี้แทน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการคัดจมูก ควรเลือกดังนี้
    • ถ้าคุณเป็นหวัด ใช้ยาลดอาการคัดจมูก (decongestant) มันจะช่วยบรรเทาอาการบวมและอักเสบในโพรงจมูก ทำให้หายใจสะดวกขึ้น จะซื้อเป็นยาเม็ดมากิน หรือแบบสเปรย์พ่นแก้คัดจมูกก็ได้ ระวังด้วยว่าสเปรย์พ่นจมูกนั้นควรใช้ติดต่อกันแค่สามวันเท่านั้น ส่วนยาเม็ดอย่างซูดาเฟด (Sudafed) สามารถกินติดต่อกันได้นานกว่านั้น
    • ถ้าคุณประสบกับโรคภูมิแพ้ เช่น ไข้ละอองฟางหรือไข้จาม ให้ใช้ยาที่มีสารต้านฮิสทามีน ถ้าอาการแพ้เป็นสาเหตุของปัญหา ยาแก้แพ้จะช่วยแก้อาการคัดจมูกและรักษาอาการอื่นๆ อย่างการจามด้วย แต่ยาประเภทนี้จะทำให้ง่วงซึม
  2. สเปรย์น้ำเกลือล้างจมูกเป็นเพียงน้ำเกลือธรรมดาที่บรรจุขวดเพื่อให้ใช้สะดวก ไม่มียาใดๆ เป็นส่วนประกอบ น้ำเกลือจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบในจมูก และชะล้างน้ำมูกหรือแบคทีเรียออก
    • ซื้อสเปรย์หรือทำเองก็ได้ คุณสามารถซื้อสเปรย์น้ำเกลือปลอดเชื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือถ้าคุณมีหลอดดูดน้ำมูก คุณก็สามารถทำน้ำเกลือเองได้โดยผสมเกลือ ¼ ช้อนชา ลงในน้ำอุ่น 1 ถ้วย
    • ยืนโน้มตัวเหนืออ่างล้างหน้า ให้ปลายจมูกชี้ลง ท่านี้จะช่วยให้น้ำเกลือไหลออกจากจมูกได้ง่าย
    • ค่อยๆ สเปรย์น้ำเกลือเข้าไปในรูจมูกทีละข้าง ถ้าคุณใช้หลอดดูด ให้บีบเพื่อไล่อากาศออกก่อน จุ่มลงในน้ำเกลือแล้วจึงปล่อย บีบอีกครั้งตอนล้างจมูกเพื่อปล่อยน้ำเกลือเข้าไปในจมูก
    • รอให้น้ำเกลือแห้งหมดไปจากจมูกก่อนแล้วค่อยสเปรย์อีกครั้ง
    • ใช้น้ำเกลือล้างจมูกวันละ 2-3 ครั้ง
    • ศึกษา วิธีใช้กาล้างจมูก เพื่อเป็นทางเลือกในการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ
  3. ความชื้นและความร้อนจากไอน้ำจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบและช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ข่าวดีสำหรับผู้ใช้วิธีนี้คือ คุณสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ และสามารถใช้เครื่องทำความชื้นได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น
    • อาบน้ำแบบอบไอน้ำ นำผ้าขนหนูวางอุดด้านล่างประตูไว้เพื่อไม่ให้ไอน้ำระเหยออกไป เปิดน้ำร้อนอาบ ถ้าคุณไม่อยากแช่น้ำก็ให้อาบจากฝักบัวแล้วสูดหายใจเอาไอน้ำที่ลอยอยู่เข้าไปแทน
    • สูดไอน้ำจากหม้อน้ำเดือด เริ่มจากต้มน้ำให้เดือดอ่อนๆ แล้วก้มหน้าไปใกล้ๆ อย่างระมัดระวัง เพื่อหายใจเอาไอน้ำเข้าไป (ระวังอย่าให้แสบจนผิวไหม้ล่ะ!)
    • ใช้เครื่องทำความชื้นหรือเครื่องทำไอระเหย มันจะช่วยได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานอนหลับ ถ้าจะให้ไอน้ำเยอะขึ้น ลอง สร้างเต็นท์ ครอบเครื่องทำความชื้น โดยใช้หมอน ผ้าห่ม และเฟอร์นิเจอร์ อย่าให้มีช่องว่างใหญ่ๆ ที่ปล่อยให้ไอน้ำระเหยออกไปได้
  4. การดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยเจือจางน้ำมูก ทำให้ขจัดออกง่ายขึ้น ความชุ่มชื้นในร่างกายจะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในโพรงจมูก และป้องกันการคัดจมูกด้วย
    • สำหรับบางคน การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยได้ดีเวลามีอาการคัดจมูก ลองดื่มชาสมุนไพร ซดน้ำแกงหรือน้ำซุปดู
  5. ใช้ผ้าชุบน้ำร้อนระดับที่คุณจะทนได้ นอนลงแล้ววางผ้านั้นลงบนสันจมูก ให้ผ้าปิดจมูกไว้เหลือแต่บริเวณรูจมูกเท่านั้น เมื่อผ้าเริ่มเย็นให้นำไปชุบน้ำอีกครั้ง
    • อาจต้องใช้ผ้าชุบน้ำแล้วทำซ้ำหลายๆ รอบ กว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นขอให้อดทนไว้ ลองใช้วิธีนี้เวลาที่กำลังทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายอย่างฟังเพลงหรือดูโทรทัศน์
  6. ยาทาระเหยส่วนใหญ่มีส่วนผสมของเมนทอล ยูคาลิปตัส หรือการบูรอยู่ด้วย ซึ่งบางคนเชื่อว่ามันจะช่วยแก้อาการคัดจมูกเมื่อสูดดมเข้าไป ยาที่นิยมใช้ทาแก้คัดจมูก ได้แก่ วิคส์ (Vicks), ไทเกอร์บาล์ม (Tiger Balm) และไอซี่ฮ็อต (IcyHot) แม้ว่าส่วนผสมในยาเหล่านี้จะช่วยให้หลายๆ คนหายคัดจมูก แต่มันยังมีหลักฐานไม่เพียงพอว่าจะช่วยรักษาอาการของโรคหวัดได้ [1] ลองใช้วิธีทายาต่อไปนี้เพื่อช่วยบรรเทาอาการ
    • ทาบริเวณคอหรือหน้าอกก่อนนอน เพราะมันอยู่ใกล้จมูกมากพอที่จะช่วยให้คุณสูดกลิ่นเข้าไปได้อย่างสม่ำเสมอขณะหลับ แต่ก็ไม่ใกล้เกินไปจนระคายเคืองตา
    • ทายาระเหยบนกระดาษทิชชู่ ถือกระดาษไว้ใกล้จมูกแล้วสูดหายใจเข้า
    • หรือถ้าคุณไม่มียาทาระเหยเลย ให้หยดน้ำมันเปปเปอร์มินต์สัก 1-2 หยดใต้จมูก ก็ช่วยได้เช่นกัน
  7. ถ้าคุณรู้สึกว่าอาการคัดจมูกจะแย่ลงเมื่อคุณนอนลง ลองยกศีรษะสูงขึ้นสักหน่อย โดยเสริมหมอนหนุนหรือนอนบนเก้าอี้ที่มีพนักพิงเอนหลังได้
  8. แผ่นเทปสีขาวบางนี้ ใช้แปะบริเวณดั้งจมูก มันจะช่วยขยายขนาดรูจมูกให้มากพอที่จะทำให้หายใจสะดวกขึ้นได้ บางร้านอาจจะขายในชื่อของเทปติดแก้นอนกรน
  9. เมื่อคุณมีอาการคัดจมูก ลองกินอาหารรสเผ็ดกว่าปกติสักหน่อย ดื่มน้ำเยอะๆ ระหว่างกิน แล้วน้ำมูกก็จะไหล จากนั้นสั่งน้ำมูกออกให้ได้มากที่สุด
  10. ถ้ารู้สึกคัดจมูกมากๆ วิธีนี้สามารถช่วยได้ ตอนอาบน้ำให้คุณถูสบู่ที่มือเพื่อให้มันลื่นและนวดบนผิวได้ง่าย แล้วใช้นิ้วนวดข้างจมูกสักพัก มันจะช่วยบรรเทาอาการ และทำให้น้ำมูกไหลออกมาได้ง่ายขึ้นด้วยความอุ่นจากการนวด
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

วิธีรักษาสำหรับทารก [2]

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เด็กทารกยังไม่สามารถหายใจทางปาก ดังนั้นการคัดจมูกจึงอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้ โดยเฉพาะหากเกิดขณะให้นม และคุณก็ไม่สามารถให้เด็กสั่งน้ำมูกได้ จึงต้องขจัดน้ำมูกออกด้วยวิธีอื่น
  2. วางเด็กบนที่ราบ โดยใช้ผ้าขนหนูม้วนรองไหล่ไว้เพื่อให้ศีรษะเด็กเอนไปด้านหลัง หยดน้ำเกลือสองสามหยดลงในจมูกเด็กแต่ละข้าง แล้วรอประมาณ 30-60 วินาที
    • ทำน้ำเกลือเองโดยผสมเกลือ ¼ ช้อนชา กับน้ำอุ่น ½ ถ้วย
  3. พลิกตัวเด็กให้นอนคว่ำเพื่อช่วยให้น้ำมูกไหลออกมา คุณมีสองทางเลือกที่จะกำจัดน้ำมูกออกเอง
    • ม้วนกระดาษทิชชู่ให้เป็นทรงกรวยเล็กๆ แล้วซับรอบๆ จมูก ห้ามใช้คอตตอนบัดแหย่เข้าไปในจมูกเด็กเด็ดขาด
    • ใช้หลอดดูดน้ำมูก โดยบีบไล่ลมออกก่อน แล้วใส่เข้าไปในจมูกเด็กแบบไม่ต้องลึก ค่อยๆ คลายมือ เสร็จแล้วบีบน้ำมูกที่ดูดมาใส่กระดาษทิชชู่
  4. การคัดจมูกเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างมากสำหรับทารก ควรขอความช่วยเหลือถ้าคุณสังเกตเห็นอาการต่อไปนี้
    • อาการคัดจมูกไปรบกวนการกินของเด็ก
    • เด็กมีไข้
    • เด็กหายใจลำบากและถี่มาก
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ควรนัดเวลาพบแพทย์หากมีอาการคัดจมูกนานเกิน 7 วัน. [3] หากมีอาการคัดจมูกอย่างหนักเกินหนึ่งสัปดาห์ คุณอาจจะกำลังประสบปัญหาที่รุนแรงกว่าแค่โรคภูมิแพ้หรือหวัดธรรมดาก็ได้ สัญญาณบ่งบอกที่ควรระวังมีดังนี้ [4]
    • มีอาการบวมบริเวณหน้าผาก ดวงตา แก้ม ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่าเป็นไซนัสอักเสบ
    • ตาพร่ามัว
    • มีจุดสีขาวหรือเหลืองในคอ
    • ไอมีเสมหะสีเขียวเหลืองหรือสีเทา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ต้มน้ำหอมหัวใหญ่สำหรับเด็ก

ดาวน์โหลดบทความ

นี่เป็นวิธีรักษาแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ถ้าคุณกังวลว่าเด็กจะหายใจไม่ออก ให้รีบพาไปพบแพทย์หรือเรียกรถพยาบาลทันที

  1. ใส่หอมหัวใหญ่หั่นสองสามชิ้นลงในหม้อขนาดเล็ก.
  2. ต้มจนน้ำเปลี่ยนสีหรือหอมใหญ่นุ่มลง
  3. เมื่อต้มเสร็จแล้ว เติมน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อให้รสชาติดีขึ้น.
  4. หลังจากทิ้งไว้จนเย็นแล้ว ให้เด็กดื่มประมาณ 3-4 ออนซ์ จะช่วยแก้คัดจมูกได้.
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณคัดจมูกแค่ข้างเดียว ให้นอนตะแคงอีกข้างแล้วอาการจะเริ่มน้อยลง
  • เคี้ยวใบมินต์หรือหมากฝรั่ง เพราะมินต์จะช่วยทำให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น และทำให้อาการอักเสบหายไป
  • ใช้มือนวดข้างจมูกเบาๆ เริ่มจากตรงหว่างคิ้ว แล้วค่อยๆ นวดบริเวณข้างจมูกวนเป็นวงกลมลงมาจนถึงด้านล่าง ทำซ้ำสองสามครั้ง (ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการคัดจมูก) น้ำมูกจะเริ่มไหลออกมา ให้ก้มตัวลงเหนืออ่างล้างหน้าแล้วเปิดน้ำร้อนไปด้วยขณะทำ เคล็ดลับอีกอย่างก็คือให้ทำหลังจากประคบร้อนที่จมูก โดยระวังอย่าให้ผ้าที่ใช้ประคบนั้นปิดรูจมูก
  • ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้อาการคัดจมูกและหวัดยิ่งแย่ลง
  • ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง ถ้าคุณไม่ได้เป็นไข้ บางทีมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
  • ใส่เกลืออาบน้ำสูตรเมนทอลและยูคาลิปตัสลงในอ่างล้างหน้าหรืออ่างน้ำร้อน ใช้ผ้าคลุมศีรษะและขอบอ่างไว้ แล้วหายใจอยู่ในนั้นจนกว่าน้ำจะหายร้อน เหมือนกับทำซาวน่าเลยล่ะ!
  • ถ้าคุณใช้ยาทาระเหยทาหน้าอก ให้แปะแผ่นทำความร้อนหรือวางถุงน้ำร้อนลงบนหน้าอกด้วย มันจะช่วยให้ไอน้ำลอยขึ้นไปยังจมูก
  • ทาน้ำมันมะพร้าวตรงจมูกที่มีอาการระคายเคือง มันจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่แห้งและระคายเคืองจากการสั่งน้ำมูก และเป็นสารฆ่าเชื้อโรคด้วย
  • การใช้ไอน้ำจะช่วยได้มาก และไม่ควรเช็ดจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้า ให้ใช้กระดาษทิชชู่แทน
  • ถ้าคุณผสมน้ำเกลือเอง ควรใช้น้ำกลั่นเพื่อป้องกันการระคายเคืองจมูกที่อาจเกิดจากสิ่งแปลกปลอมในน้ำ เช่น แบคทีเรีย และ/หรือ คลอรีน หากต้องใช้น้ำประปาก็ควรนำไปต้มจนเดือดและทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนำมาผสมเป็นน้ำเกลือ ถ้าจะให้ดีควรใช้เกลือที่ไม่มีไอโอดีนเพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบหรือระคายเคือง
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามใช้คอตตอนบัดแหย่เข้าไปในรูจมูก และห้ามม้วนกระดาษทิชชู่ยัดเข้าไปเช่นกัน เพราะอาจทำให้จมูกยิ่งอักเสบได้
  • ควรระวังเมื่อใช้ไอน้ำหรือสูดไอน้ำร้อน เพราะอาจถูกไอน้ำร้อนลวกเป็นแผลได้
  • ผู้ที่เป็นหวัดไม่ควรใช้กาล้างจมูก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 43,843 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา