ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โรคเชื้อราเกิดจากการติดเชื้อราชนิด Candida ซึ่งมักจะส่งผลให้เกิดรอยสีขาวขึ้นบริเวณภายในช่องปาก กระพุ้งแก้ม และลิ้น โดยรอยขาวจะสามารถพัฒนาให้เกิดตุ่มแดงและอาการเจ็บได้ เชื้อราสามารถเกิดขึ้นได้ในบริเวณต่างๆ ของร่างกายเช่น โรคเชื้อราในช่องคลอดของผู้หญิง และผื่นผ้าอ้อมในทารก โรคเชื้อราสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่มักพบในทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

วิธีรักษาเชื้อราในช่องปากด้วยยาสามัญประจำบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ยังไม่มีทฤษฎียืนยันว่าออยล์พูลลิ่งสามารถดึงสารพิษออกจากระบบร่างกายได้หรือไม่ [1] แต่ถึงอย่างนั้นคนมากมายได้ใช้มันในการต่อต้านเชื้อราชนิด Candida รวมถึงรักษาโรคชั่วคราว และนี่คือวิธีใช้มันง่ายๆ
    • แปรงฟันของคุณก่อน หากเป็นไปได้ควรอมน้ำมันในช่วงที่ท้องว่าง
    • กลั้วน้ำมันในปาก 1 ช้อนโต๊ะ เป็นเวลา 5 ถึง 10 นาที จนมั่นใจว่าน้ำมันได้เข้าถึงส่วนต่างๆ ภายในปากเท่าที่จะสามารถแล้วทั้ง ใต้ลิ้น เหงือก และผนังปาก
    • คายน้ำมันออกและล้างปากด้วยน้ำเกลือหลังจากผ่านไป 5 ถึง 10 นาที
    • คุณสามารถทำวันละสองครั้งติดต่อกันห้าวัน ลองทำหลังจากตื่นนอนและอีกครั้งก่อนเข้านอน
    • เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรใช้น้ำมันมะพร้าว ถึงแม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน เนื่องจากเชื่อกันว่าน้ำมันมะพร้าวมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อรา
  2. โหระพาเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการขจัดเชื้อราในช่องปากถึงแม้ว่ายังไม่ได้มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม [2] ในทวีปยุโรปได้มีการใช้โหระพาในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจและโรคเชื้อรา ลองโรยโหระพาประมาณหนึ่งใส่ในมื้ออาหารของคุณ หรือคุณจะสกัดมันมาผสมเป็นน้ำยาแอลกอฮอล์ก็ได้
  3. นำน้ำส้มสายชูหมักจากผลแอปเปิ้ลในปริมาณน้อยมาเจือจางกับน้ำบริสุทธิ์ จากนั้นนำไปกลั้วปากเป็นเวลาหลายนาที [3]
    • อีกวิธีหนึ่งได้แก่การผสมน้ำส้มสายชูหมักจากผลแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำเปล่า 8 ออนซ์และดื่มมันก่อนทุกมื้ออาหาร โดยมันจะช่วยต่อสู้กับเชื้อราที่เติบโตอยู่ในลำไส้ซึ่งบางครั้งก็เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดเชื้อราในช่องปาก
    • บางคนอาจพบว่าวิธีนี้เป็นไปไม่ได้เพราะรสชาติของน้ำส้มสายชูมันเหลือทน ตอนแรกอาจรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนบ้าง ฉะนั้นอย่าใช้วิธีนี้ก่อนจะไปพบปะผู้คนหรืออยู่ในสถานการณ์ที่คุณอาจรู้สึกอาย
  4. กระเทียมมีส่วนประกอบเป็นกำมะถันหลากหลายชนิดทั้ง allicin, alliin, alliinase และ S-allylcysteine ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อราชนิดต่างๆ รวมไปถึงเชื้อราในช่องปาก โดยกระเทียมสดมีประสิทธิภาพดีกว่ากระเทียมสกัดชนิดเม็ด คุณควรลองหาวิธีนำกระเทียมไปปรุงกับมื้ออาหารของคุณ
    • เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรรับประทานกระเทียมบด 4 ถึง 5 กลีบต่อวัน หากคุณกังวลเรื่องลมหายใจที่จะมีกลิ่นกระเทียม ให้ลองดื่มชากระเทียม 3 ถึง 4 แก้ว
  5. น้ำมันทีทรีมีชื่อเสียงในด้านของคุณสมบัติต่อต้านเชื้อรา [4] อีกทั้งมันยังเป็นยาสามัญประจำบ้านที่รักษาตั้งแต่สิวไปจนถึงเท้าของนักกีฬา ซึ่งรวมไปถึงการรักษาเชื้อราด้วย หยดน้ำมันทีทรีหนึ่งถึงสองหยดผสมกับน้ำบริสุทธิ์ลงหนึ่งช้อนโต๊ะ จากนั้นใช้ไม้พันสำลีแต้มบริเวณจุดที่เป็นเชื้อราในช่องปาก [5] หลังจากนั้นล้างปากด้วยน้ำเค็ม
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ป้องกันการเกิดเชื้อรา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มาตรการป้องกันการกลับมาของโรคเชื้อราในช่องปาก. หลังจากกำจัดเชื้อราในช่องปากแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันไม่ให้มันกลับมาเกิดขึ้นอีก ซึ่งมีวิธีมีดังนี้
    • แปรงฟันอย่างน้อย 2 ถึง 3 ครั้งต่อวัน
    • เปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงแพร่ระบาดของเชื้อรา
    • มั่นใจว่าคุณใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง
  2. เว้นจากการใช้น้ำยาบ้วนปาก สเปรย์ดับกลิ่นลมหายใจ หรือลูกอมรสมินต์. เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำให้จุลินทรีย์ในปากของคุณเสียสมดุล เพราะต้องจำไว้ว่าในร่างกายของคุณมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในการต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นการทำร้ายจุลินทรีย์เหล่านี้จะเป็นการทำให้เชื้อโรคร้ายเข้ามาอยู่ในร่างกายคุณแทน
    • คุณอาจใช้น้ำเกลือกลั้วปากแทน ทำโดยการใช้เกลือครึ่งช้อนคนผสมน้ำหนึ่งแก้ว
  3. เข้าพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละสองครั้งและมากกว่านั้นหากคุณสวมฟันปลอม หรือเป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นโรคภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ. เพราะทันตแพทย์จะสามารถสังเกตจุดที่เกิดเชื้อราแพร่ระบาดหรือมีโอกาสเกิดเชื้อราได้เร็วกว่าคุณ นำไปสู่การรักษาที่รวดเร็ว
  4. เชื้อรา Candida เจริญเติบโตด้วยน้ำตาล ดังนั้นเพื่อที่จะหยุดการเจริญเติบโตจึงต้องลดการบริโภคแป้งลง ในที่นี้รวมไปถึง เบียร์ ขนมปัง โซดา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารจากธัญพืช และไวน์ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเลี้ยงเชื้อราและสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ Candida ได้
  5. [ [1] ]. ผู้ที่สูบบุหรี่มักมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเชื้อราในช่องปากมากกว่าผู้ที่ไม่ได้สูบ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

วิธีขจัดเชื้อราในช่องปากที่ทางการแพทย์รับรอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พบทันตแพทย์หรือหมอประจำตระกูลเพื่อประเมินผลและวินิจฉัยหากคุณรู้สึกว่าเป็นเชื้อรา. หากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยแล้วว่าคุณเป็นโรคเชื้อราในช่องปาก แพทย์จะเริ่มทำการรักษาทันที ซึ่งผู้ใหญ่ที่ร่างกายแข็งแรงและเด็กสามารถรักษาโรคนี้ได้ง่ายมากกว่าบุคคลอื่น
  2. การรักษาโรคเชื้อราในผู้ป่วยที่มีสุขภาพแข็งแรงมักจะเริ่มด้วยการรับประทานยา acidophilus ชนิดเม็ด [6] และผู้เชี่ยญชาญทางการแพทย์อาจแนะนำให้รับประทานโยเกิร์ตรสดั้งเดิม
    • ยา Acidophilus และโยเกิร์ตรสดั้งเดิมไม่ได้ขจัดเชื้อราแต่ช่วยลดการติดเชื้อและช่วยเหลือในการฟื้นฟูสมดุลของแบคทีเรียภายในร่างกาย Acidophilus และโยเกิร์ตต่างก็มีโปรไบโอติก
  3. น้ำเกลือจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เชื้อราอยู่ไม่ได้ชั่วคราว
    • เพิ่มเกลือสำหรับปรุงอาหาร ½ ช้อนชา (2.5 มิลลิลิตร) ในน้ำอุ่น 1 ถ้วย (237 มิลลิลิตร) จากนั้นคนให้เข้ากันก่อนที่จะนำไปล้างปาก
  4. รับประทานยาต้านเชื้อราตามที่แพทย์สั่งหากอาการยังคงอยู่หรือคุณมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ
    • คุณจะต้องรับประทานยาต้านเชื้อราเป็นเวลา 10 ถึง 14 วัน โดยยาต้านเชื้อรามีทั้งชนิดเม็ด ยาอม และชนิดน้ำ
    • ต้องมั่นใจว่ารับประทานยาตามคำแนะนำอย่างครบถ้วน
    • ยาปฏิชีวนะอาจทำให้เกิดเชื้อราโดยเฉพาะในสตรีหรือในผู้ป่วยที่เคยมีประวัติการเกิดเชื้อรา ในกรณีนี้ แพทย์จะให้ใช้ยาต้านเชื้อราควบคู่ไปกับยาปฏิชีวนะ
  5. ใช้ยา amphotericin B เมื่อยาตัวอื่นใช้ไม่ได้ผลหรือไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ. บ่อยครั้งที่เชื้อรา Candida ทนต่อยาต้านเชื้อราได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วย HIV และผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ขจัดเชื้อราในช่องคลอด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เชื้อราในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อราประเภทหนึ่ง โดยประจำเดือนจะช่วยเปลี่ยนค่า pH ของช่องคลอดเพื่อทำให้เชื้อราสามารถอาศัยอยู่ได้น้อยลง แต่คุณไม่สามารถกำหนดเวลาการมีประจำเดือนของคุณได้
  2. สอดผ้าอนามัยชนิดสอดกับช่องคลอด ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ช่วงมีประจำเดือนของคุณ นี่เป็นวิธีที่แนะนำเพื่อให้ผ้าอนามัยของคุณต่อสู้กับเชื้อราในช่องคลอด:
    • จุ่มมันลงไปในโยเกิร์ตรสดั้งเดิม จากนั้นสอดมันเข้าไปทันทีก่อนที่ผ้าอนามัยจะคลายตัวและป้องกันไม่ให้รั่วซึมออกมา
    • จุ่มมันลงในน้ำมันทีทรีที่เจือจาง จากนั้นสอดมันเข้าไปทันทีก่อนที่ผ้าอนามัยจะคลายตัวและป้องกันไม่ให้รั่วซึมออกมา
  3. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ถุงยางที่ทำมาจากยางพารา ครีมฆ่าเชื้ออสุจิ และน้ำมันหล่อลื่น. ในความเป็นจริง นอกเหนือจากการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คุณควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ยังมีการติดเชื้ออยู่เพราะเชื้อราสามารถแพร่กระจายไปมาระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดเป็นวงจร และการติดเชื้อจะยังคงดำเนินต่อไป:
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณเป็นเชื้อราและต้องดูแลทารก มันเป็นเรื่องสำคัญในการดูแลทารกและตัวคุณเองเพื่อป้องกันการกลับมาแพร่ต่อไปของเชื้อรา
  • หากคุณมีความต้องการทางเพศในช่วงที่เป็นเชื้อรา การได้รับการรักษาเป็นเรื่องสำคัญอย่างสำหรับคุณและคู่นอนของคุณเพื่อป้องกันการติดต่อของเชื้อรา
  • ล้างอุปกรณ์ที่เป็นจุกของทารกทั้งหมด จุกนมปลอม ขวด ของเล่นสำหรับการแทะ และชิ้นส่วนของอุปกรณ์ปั๊มน้ำนม ด้วยน้ำส้มสายชูขาวและน้ำเปล่าในปริมาณที่เท่ากัน จากนั้นนำมันไปวางบริเวณที่อากาศแห้งเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา
  • ซักยกทรงและแผ่นซับน้ำนมในน้ำร้อนด้วยผงซักฟอก
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น
  • ห้ามใช้ยาต้านเชื้อราโดยปราศจากการตรวจเลือดเพื่อทดสอบการทำงานของตับเป็นระยะ ยาต้านเชื้อราบางชนิดสามารถก่อให้เกิดโรคตับขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีใช้ยาเป็นระยะเวลานาน หรือผู้ใช้มีประวัติเกี่ยวกับโรคตับ
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • แอซิโดฟิลัสชนิดเม็ด
  • โยเกิร์ตดั้งเดิม
  • เกลือ ½ ช้อนชา (2.5 มิลลิลิตร)
  • น้ำอุ่น 1 ถ้วย (237 มิลลิลิตร)
  • ยาต้านเชื้อรา
  • ยาแอมโฟเทอริซินบี
  • แปรงสีฟัน
  • ไหมขัดฟัน


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,515 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา