ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการปวดท้องอาจส่งผลให้คุณนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะมีอาการท้องอืด คลื่นไส้ แสบร้อนกลางอก หรือปวดเกร็งหน้าท้อง คุณก็สามารถนอนหลับได้ดียิ่งขึ้นด้วยการจัดสภาพแวดล้อมให้สบายที่สุดสำหรับการนอนหลับพักผ่อนของคุณและบรรเทาความรู้สึกไม่สบายตัวด้วยวิธีการผ่อนคลายร่างกายง่ายๆ ก่อนการเข้านอน รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ในระหว่างวันที่อาจก่อให้เกิดอาการปวดท้องกลางดึกขึ้นมาได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เตรียมพร้อมสำหรับการเข้านอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนถึงเวลาเข้านอนสักชั่วโมงหนึ่ง ให้คุณลองทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้จิตใจของคุณสงบลง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกหายใจลึกๆ การฝึกโยคะ หรือ การฝึกสมาธิ หรือหากคุณมีความศรัทธาในศาสนา คุณอาจใช้เวลาสั้นๆ ในการสวดมนต์ก่อนเข้านอนก็ได้เช่นกัน กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น [1]
    • ความเครียดและความวิตกกังวลอาจเป็นสาเหตุหรือทำให้อาการปวดท้องแย่ลงได้ ดังนั้นกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จึงช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายตัวได้ในเวลาเดียวกัน
    • วิธีอื่นๆ ที่ช่วยให้คุณรู้สึก ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นก่อนเข้านอน ได้แก่ การหรี่ไฟภายในห้องให้สลัวลง การอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เงียบสงบ และการปิดอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ทุกชนิดใน 1 ชั่วโมงก่อนการเข้านอน
  2. แช่ตัวในน้ำอุ่นผสมดีเกลือเพื่อบรรเทา อาการปวดประจำเดือน . การแช่ตัวในน้ำอุ่นไม่เพียงช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น แต่ความอุ่นจากน้ำยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่คุณกำลังมีประจำเดือน เริ่มจากปรับอุณหภูมิของน้ำให้อุ่นกำลังดีและไม่ร้อนจนเกินไปก่อนเทดีเกลือลงไป 2 ถ้วย (500 กรัม) และทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ดีเกลือละลายจนหมด จากนั้นลงแช่ตัวในน้ำประมาณ 10-15 นาทีเพื่อผ่อนคลายร่างกายและบรรเทาอาการปวดท้อง เมื่อเสร็จแล้วให้คุณสวมชุดนอนอุ่นๆ สักชุดแล้วเตรียมตัวเข้านอน [2]
    • วิธีนี้ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องที่เกิดจากความวิตกกังวลหรืออาหารไม่ย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • คุณสามารถเลือกใช้ดีเกลือที่มีกลิ่นหอมต่างๆ อย่างยูคาลิปตัสหรือลาเวนเดอร์เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
    • กระเป๋าน้ำร้อนหรือแผ่นประคบร้อนก็สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ดีไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตาม คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้ในระหว่างนอนหลับเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังไหม้จากความร้อนได้
  3. เสื้อผ้าที่รัดตรงช่วงรอบเอวหรือหน้าท้องแน่นจนเกินไปอาจส่งผลให้อาการปวดท้องของคุณแย่ลงได้ ดังนั้นคุณจึงควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าทรงหลวมๆ หรือมีเนื้อผ้าบางเบาที่มีขนาดพอดีกับรอบเอวหรือหน้าท้องของคุณโดยไม่รัดแน่นจนเกินไป
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเลือกสวมใส่กางเกงผ้ายืดและเสื้อยืดขนาดใหญ่หรือชุดนอนผ้าบางเบาเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวย่ิงขึ้น
  4. โดยปกติแล้วอากาศที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดจนนอนหลับได้ยากมากขึ้น และยิ่งเมื่อคุณมีอาการปวดท้อง ความรู้สึกร้อนจากอุณหภูมิที่สูงอาจส่งผลให้คุณรู้สึกหงุดหงิดและกระสับกระส่ายมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการคลื่นไส้หรือมีไข้สูง ปรับเครื่องปรับอากาศให้อุณหภูมิภายในห้องอยู่ที่ประมาณ 18 °C เพื่อให้คุณรู้สึกเย็นสบายและไม่หนาวจนเกินไป
    • หากไม่สามารถปรับเครื่องปรับอากาศได้ คุณอาจใช้วิธีเปิดพัดลมแทนเพื่อลดอุณหภูมิภายในห้องลง หรือหากอากาศภายนอกเย็นกำลังดี คุณก็สามารถเปิดแง้มหน้าต่างไว้สักเล็กน้อยได้เช่นเดียวกัน [3]
  5. เมื่อคุณมีอาการปวดท้อง สิ่งที่ขาดไม่ได้คือเตียงนอนที่นุ่มและอบอุ่นเพื่อช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิทยิ่งขึ้น จัดเตียงของคุณให้พร้อมด้วยผ้าห่มนุ่มๆ และหมอนหลายๆ ใบ และหากที่นอนของคุณค่อนข้างแข็งและนอนไม่สบายนัก คุณอาจพิจารณาหาซื้อที่รองนอนสักอันเพื่อเพิ่มความสบายในการนอนหลับของคุณ [4]
    • เลือกใช้ผ้าปูที่นอนที่ทำจากวัสดุที่มีเนื้อนุ่มและระบายอากาศได้ดีอย่างผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน
  6. เนื่องจากโครงสร้างของระบบทางเดินอาหาร การนอนตะแคงซ้ายจึงมีแนวโน้มช่วยให้ร่างกายของคุณสามารถย่อยอาหารได้ง่ายยิ่งขึ้นในระหว่างที่คุณกำลังนอนหลับ รวมทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดอาการแสบร้อนกลางอกได้อีกด้วย ดังนั้นในครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกปวดท้อง ให้คุณลองนอนตะแคงไปทางด้านซ้ายเพื่อช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิทยิ่งขึ้น [5]
    • คุณสามารถใช้วิธีนอนหงายโดยใช้หมอนวางรองไว้ใต้แผ่นหลังเพื่อบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกได้เช่นกัน
    • การนอนคว่ำจะทำให้เกิดแรงกดทับที่บริเวณหน้าท้องจนอาจส่งผลให้อาการปวดท้องของคุณแย่ลงกว่าเดิม
    • หากคุณมีอาการปวดเกร็งหน้าท้อง ให้คุณลองดึงหัวเข่าทั้งสองข้างเข้ามาชิดหน้าอกในลักษณะคล้ายกับตัวอ่อนในครรภ์ [6]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

บรรเทาอาการปวดท้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดื่มชาสมุนไพรอุ่นๆ เพื่อบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย. ชาสมุนไพรชนิดต่างๆ เช่น คาร์โมไมล์ มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงชงชาอุ่นๆ สักแก้วหนึ่งและจิบอย่างช้าๆ ในช่วงประมาณ 30 นาทีก่อนเข้านอน [7]
    • ชาคาร์โมไมล์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับดื่มก่อนเข้านอนเป็นอย่างยิ่ง หรือคุณอาจมองหาชาจากสมุนไพรหลายชนิดที่ประกอบด้วยเปปเปอร์มินต์ ขิง และดอกดาวเรืองก็ได้เช่นกัน

    รู้หรือไม่? ชาสมุนไพรโดยส่วนใหญ่มักไม่มีคาเฟอีนเจือปนอยู่ อย่างไรก็ตาม ชาสมุนไพรบางชนิดอาจมีส่วนประกอบของใบชาซึ่งเป็นแหล่งของคาเฟอีน ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คุณรู้สึกตื่นตัวตลอดทั้งคืน อย่าลืมตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่าชาสมุนไพรที่คุณเลือกดื่มเป็นแบบปราศจากคาเฟอีน

  2. จิบน้ำเปล่าแช่ขิงที่มีฤทธิ์แก้อาการปวดท้องได้ครอบจักรวาล. ปอกเปลือกขิงที่มีขนาดชิ้นประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม.)ให้เรียบร้อยและใส่ลงไปในถ้วยที่บรรจุน้ำอุ่นไว้ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีก่อนค่อยๆ จิบทีละน้อย น้ำเปล่าแช่ขิงมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดท้องได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อช่วยให้คุณนอนหลับสนิทตลอดคืน [8]
    • ขิงเป็นสมุนไพรที่คนทั่วโลกนิยมใช้ในการรักษาอาการปวดท้อง โดยขิงมีสรรพคุณทางยาในการบรรเทาอาการคลื่นไส้ที่สูง อีกทั้งยังสามารถบรรเทาอาการป่วยอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน
    • ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจิงเจอร์เอลที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไปมีส่วนประกอบของขิงในปริมาณที่ไม่มากพอที่จะช่วยแก้อาการปวดท้องได้ และแม้ว่าแก๊สที่อัดลงไปในเครื่องดื่มอาจมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดท้องได้บ้าง แต่ส่วนประกอบของน้ำตาลก็สามารถส่งผลให้อาการปวดท้องจากบางสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการท้องเสีย แย่ลงกว่าเดิมได้
  3. นวดหน้าท้องเพื่อบรรเทาอาการจุกแน่น ปวดเกร็ง และอืดบวมที่ท้อง. นอนหงายและวางมือทั้งสองข้างที่บริเวณเหนือกระดูกสะโพกด้านขวา จากนั้นใช้นิ้วมือกดลงไปและนวดคลึงเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกาขึ้นไปจนถึงซี่โครง เสร็จแล้วจึงสลับไปทำที่ด้านซ้ายก่อนปิดท้ายที่บริเวณกึ่งกลางของหน้าท้องด้วยขั้นตอนเดิม ทำซ้ำไปมาประมาณ 10 นาทีเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้องของคุณ [9]
    • อย่ากดแรงมากเกินไปจนทำให้รู้สึกเจ็บและพยายามใช้ปลายนิ้วออกแรงกดอย่างพอดี
  4. เลือกทานอาหารที่มีรสจืดและย่อยง่ายหากคุณมีอาการคลื่นไส้. หากอาการปวดท้องของคุณมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียเกิดขึ้นร่วมด้วย คุณอาจจำเป็นต้องเลือกทานอาหารที่สามารถย่อยได้ง่าย เช่น การ ทานอาหารประเภทแบรทไดเอท (BRAT Diet) ที่ประกอบด้วยกล้วย (Banana) ข้าว (Rice) แอปเปิ้ลซอส (Applesauce) และขนมปังปิ้ง (Toast) วิธีนี้จะช่วยไม่ให้ร่างกายของคุณทำงานหนักจนเกินไปเพื่อย่อยอาหารในระหว่างที่คุณนอนหลับและทำให้คุณสามารถนอนหลับได้สนิทยิ่งขึ้น [10]
    • ค่อยๆ เพิ่มเติมการทานอาหารประเภทอื่นๆ เมื่อร่างกายเริ่มรับอาหารได้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณไม่อาเจียนอีกต่อไปในช่วงที่คุณเลือกทานอาหารประเภทแบรทไดเอท คุณอาจเริ่มทานน้ำผลไม้ แครกเกอร์ และธัญพืชปรุงสุกต่างๆ อย่างโอ๊ตมีลหรือโจ๊กธัญพืช
  5. เนื่องจากการใช้ยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ในปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ในบางกรณี ดังนั้นคุณจึงควรเลือกรักษาอาการปวดท้องของคุณโดยเน้นการใช้วิธีธรรมชาติอย่างการดื่มชาหรือการแช่ตัวในน้ำอุ่นเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม หากอาการที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงหรือไม่รู้สึกดีขึ้น คุณอาจตัดสินใจทานยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์เป็นลำดับถัดไป [11]
    • หากคุณมีอาการแสบร้อนกลางอก ลองทานยาลดกรดหรือยาแก้อาการจุกเสียดที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เช่น ไซเมทิดีน (Cimetidine) ฟาโมทิดีน (Famotidine) แรนิทิดีน (Ranitidine) หรือโอเมพราโซล (Omeprazole)
    • หากคุณมีอาการท้องผูก (ไม่ได้ขับถ่ายมาระยะหนึ่ง รู้สึกเจ็บขณะขับถ่าย หรือขับถ่ายยาก) ลองทานยาที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มหรือยาระบาย
    • ลองทานยาไซเมทิโคน (Simethicone) เพื่อบรรเทาอาการท้องอืด
    • ลองทานยาต้านอาการอาเจียนหรือท้องเสีย เช่น บิสมัท ซับซาลิไซเลต (Bismuth subsalicylate) เพื่อแก้อาการอาหารไม่ย่อย [12]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการปวดท้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. งดทานอาหารที่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนเข้านอน. พยายามหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน มีความเป็นกรดสูง หรือมีรสเผ็ด เครื่องดื่มอัดแก๊ส และอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และหากคุณมีอาการปวดท้องอยู่บ่อยครั้ง คุณอาจจำเป็นต้องลดปริมาณการทานอาหารดังกล่าวในมื้ออาหารของคุณ อย่างไรก็ตาม คุณควรงดการทานอาหารเหล่านี้โดยสิ้นเชิงภายใน 3-4 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอนเพื่อให้คุณนอนหลับสบายยิ่งขึ้น
    • อาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้แก่ บรอกโคลี พืชตระกูลถั่ว หอมหัวใหญ่ กะหล่ำปลี แอปเปิ้ล และอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์นมและสารให้ความหวานแทนน้ำตาลก็สามารถทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกัน [13]
    • อาหารที่มีความเป็นกรดสูงอย่างมะเขือเทศ ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว และกาแฟสามารถก่อให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกได้ นอกจากนี้ยังมีสะระแหน่ ช็อกโกแลต และกระเทียมที่อาจทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อยได้อีกด้วย [14]
    • ลองทานอาหารเสริมเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารก่อนเริ่มต้นทานอาหารที่ย่อยได้ยาก
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินหรือยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS) ก่อนเข้านอน. ยาแอสไพรินและยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และยาอะเซตามีโนเฟน (Acetaminophen) สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองที่บริเวณเยื่อบุของกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นคุณจึงควรพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาเหล่านี้ภายใน 3-4 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอน [15]
    • หากแพทย์ของคุณสั่งจ่ายยาประเภทดังกล่าว ลองปรึกษาแพทย์ว่าคุณสามารถทานยาพร้อมมื้ออาหารหรือในระหว่างวันได้หรือไม่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการปวดท้องในช่วงเวลากลางคืน
  3. การเอนตัวลงนอนหลังทานอาหารอิ่มๆ อาจส่งผลเกิดอาการอาหารไม่ย่อยได้เนื่องจากร่างกายของคุณจะยังคงทำงานเพื่อย่อยอาหารที่คุณเพิ่งทานเข้าไป พยายามจัดตารางเวลาของมื้ออาหารแต่ละมื้อในระหว่างวันให้ดีเพื่อให้ร่างกายของคุณมีเวลาในการย่อยอาหารมากพอก่อนเข้านอน [16]
    • คุณยังสามารถป้องกันการเกิดอาการปวดท้องได้ด้วยการแบ่งย่อยมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายๆ มื้อตลอดทั้งวันแทนการทานอาหารมื้อใหญ่เพียง 2-3 มื้อ
    • พยายามทานช้าๆ และเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อช่วยให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น
  4. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนเข้านอน. การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปสามารถส่งผลให้คุณรู้สึกคลื่นไส้ได้ และหากคุณมีอาการปวดท้องอยู่แล้ว การดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นการกระตุ้นให้อาการปวดท้องของคุณมีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้เบียร์ยังมีสารประกอบกำมะถันต่างๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดแก๊สในกระเพาะอาหารจนส่งผลให้อาการปวดท้องของคุณแย่ลงกว่าเดิม [17]
    • หากต้องการดื่มแอลกอฮอล์ พยายามดื่มในปริมาณที่พอเหมาะและงดดื่มภายใน 1-2 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณมีอาการปวดประจำเดือน ลองทานอาหารเสริมแมกนีเซียม 250 มิลลิกรัมเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น
  • ลองใช้วิธีบำบัดด้วยกลิ่นหอมจาก น้ำมันหอมระเหย ในการบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
  • หากมีอาการเจ็บจากแก๊สในกระเพาะอาหาร ให้คุณนอนหงายเพื่อลดแรงกดทับที่บริเวณหน้าท้องของคุณ [18]
โฆษณา

คำเตือน

  • ไปพบแพทย์ทันทีหากพบว่ามีเลือดปนอยู่ในอุจจาระหรืออาเจียน ปัสสาวะมีสีเข้มและมีความเข้มข้นสูง (หรือปัสสาวะออกน้อย) หรือมีอาการเฉื่อยชาและกระวนกระวายกว่าปกติ
  • คุณยังควรปรึกษาแพทย์หากคุณมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงหรืออาการยังคงไม่ดีขึ้นหลังผ่านไป 3 วัน มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 38 °C หรืออาเจียนอย่างหนักจนร่างกายสูญเสียของเหลว
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,793 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา