ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็ต้องมีช่วงเวลาที่อาการหลงๆ ลืมๆ ดูเหมือนจะทำให้คุณหดหู่ โชคดีที่มีวิธีต่างๆ มากมายที่ช่วยให้สติปัญญาของคุณเฉียบแหลม ซึ่งจะทำให้ทัศนคติของคุณดีขึ้นด้วย นอกจากนี้การรักษาสติปัญญาให้เฉียบแหลมอยู่เสมอยังช่วยให้คุณแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้นขณะที่คุณแก่ตัวลงด้วย อ่านบทความนี้เพื่อศึกษาวิธีการต่างๆ ที่จะช่วยให้สติปัญญาของคุณเฉียบแหลมขณะที่ยังคงรักษาทัศนคติเชิงบวกไว้ได้ด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

สร้างทักษะการคิด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การออกกำลังกายให้ประโยชน์มากมายแก่คุณทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต ได้แก่ ป้องกันโรคซึมเศร้าและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน [1] นอกจากนี้ความแข็งแรงทางด้านร่างกายยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยเพิ่มความเฉียบแหลมทางสติปัญญาขณะที่เราอายุมากขึ้น [2]
    • โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอายุเลย 40 ปีขึ้นไป การออกกำลังกายทุกวันช่วยรักษาความเฉียบแหลมของคอร์เทกซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้าของสมอง ในงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ชายสูงอายุที่ร่างกายแข็งแรงสามารถทำแบบทดสอบเรื่องการตัดสินใจได้ดีกว่าชายที่สุขภาพไม่แข็งแรง [3]
  2. สุขภาพสมองและหัวใจเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาพื้นที่ความทรงจำขณะที่เราแก่ตัวลง และอาจช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ด้วย [4] เลี่ยงไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ที่ทำลายหลอดเลือดสมอง และต้องรับประทานอาหารดังต่อไปนี้ :
    • ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอกและกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบในปลา เช่น ปลาแซลมอน [5]
    • สารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แม้แต่ดาร์กช็อกโกแลตก็ช่วยได้นะ! [6]
    • ผลไม้ ผัก และธัญพืชเต็มเมล็ดมากๆ เพราะช่วยลดความเสี่ยงของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตัน [7]
    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ในวัยผู้ใหญ่แอลกอฮอล์ปริมาณเล็กน้อยช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ด้วยการรักษาระดับคอเลสเตอรอลและอินซูลินในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม [8] แต่ระวังว่าต้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น เพราะการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะให้ผลที่ตรงกันข้าม และอาจทำให้เกิดการสูญเสียความทรงจำได้ (หรือที่เรียกกันว่า "จอดับ") [9]
  3. เมฆหมอกของความเหนื่อยล้าจะปกคลุมความสามารถในการคิด แต่จิตใจที่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มความสามารถ
    • สมองของเราจะเก็บความทรงจำประจำวันขณะที่เราหลับ เพราะฉะนั้นคุณต้องพักผ่อนเพื่อที่จะได้จำได้แม้แต่รายละเอียดที่แสนจะน่าเบื่อในชีวิตประจำวัน [10]
    • คุณอาจจะลองงีบสักพักหลังจากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณเก็บข้อมูลเหล่านั้นในความทรงจำระยะยาวได้ [11]
  4. คณิตศาสตร์ช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้เหตุผลและเสริมสร้างทักษะการแก้ปัญหา และคุณก็สามารถฝึกฝนได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการคำนวณทั่วไปที่คุณสามารถหาผลลัพธ์ในหัวหรือในกระดาษทดได้ หลายคนไม่ได้หารยาวอีกเลยตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม เพราะฉะนั้นลองคิดเลขในใจดูบ้าง
    • เวลาที่คุณไปซื้อของใช้เข้าบ้าน ลองคำนวณราคาของในรถเข็นไว้ในใจ คุณไม่จำเป็นต้องคิดเลขเป๊ะๆ แค่ตีเป็นเลขกลมๆ ให้ใกล้เคียงกับราคาสินค้าแต่ละบาทก็พอ พอคุณไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน คุณก็จะได้รู้ว่าคุณคำนวณได้ใกล้เคียงแค่ไหน!
  5. งานวิจัยจากฮาร์วาร์ดกล่าวว่า การศึกษาระดับสูงสัมพันธ์กับความสามารถในการจำที่ดีกว่าขณะที่คนแก่ตัวขึ้น [12] ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่คุณก็สามารถเรียนต่อด้วยตัวเองได้ตลอดชีวิต
    • ไปห้องสมุดที่อยู่ในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ห้องสมุดเป็นสถานที่ที่ดีที่ช่วยให้คุณได้ ผ่อนคลาย รวบรวมความคิด และมีสมาธิในการเรียน ถ้าคุณมีเวลาว่าง ให้หยิบหนังสือไปที่สวนสาธารณะหรือแวะร้านอาหารสำหรับครอบครัว เพราะทั้งหมดนี้ช่วยสร้างเสริมจิตใจที่เฉียบแหลมและดียิ่งขึ้น รวมถึงสร้างทัศนคติที่ดีขึ้นด้วย
    • เรียนคอร์สต่างๆ ที่เปิดที่วิทยาลัยท้องถิ่น คอร์สเรียนที่ดีที่สุดควรเป็นคอร์สที่ต้องใช้ทั้งความคิดและการเข้าสังคม เช่น คอร์สถ่ายภาพหรือคอร์สสอนการเย็บผ้าห่ม [13] คุณจะได้ประโยชน์เพิ่มทั้งการได้พบปะผู้คนใหม่ๆ และได้สร้างมิตรภาพใหม่ๆ ด้วย!
  6. คุณเพิ่มความสามารถในการคิดด้านต่างๆ เช่น ตรรกะ การแก้ปัญหา การกำหนดจิต และกระบวนการคิดเชิงแก้ไขได้ด้วยการเล่นเกมปริศนาและทำกิจกรรมยากๆ ที่ต้องใช้ความคิด การท้าทายความคิดของตัวเองช่วยเพิ่มทักษะการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ที่จะทำให้คุณมั่นใจเวลาแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ มากยิ่งขึ้น
    • เล่นปริศนาอักษรไขว้ [14] ผู้สูงอายุที่เล่นอักษรไขว้ได้คะแนนการทดสอบด้านการคิดต่างๆ มากกว่าคนที่ไม่เล่น แม้ว่านักวิจัยจะไม่แน่ใจว่า อักษรไขว้ทำให้ความสามารถในการคิดดีขึ้น หรือว่าคนที่มีความสามารถในการคิดดีกว่าอยู่แล้วมีแนวโน้มที่จะเล่นอักษรไขว้มากกว่าเพราะว่าพวกเขาเล่นได้ แต่จะลองเล่นสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา! [15]
    • เล่นเกมคอมพิวเตอร์ งานวิจัยหนึ่งของฮาร์วาร์ดพบว่า เกมที่ชื่อ NeuroRacer เพิ่มความสามารถในการทำหลายอย่างพร้อมกัน ช่วยเก็บความจำระยะสั้น และเพิ่มสมาธิในผู้สูงอายุที่เข้ารับการทดสอบ [16]
  7. นักวิทยาศาสตร์พบว่า การใช้ประสาทสัมผัสทุกส่วนกระตุ้นสมองส่วนต่างๆ ซึ่งช่วยรักษาความทรงจำของคุณ งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้แสดงภาพให้ผู้เข้ารับการทดสอบดู ซึ่งภาพที่นำเสนอนั้นมีทั้งภาพที่นำเสนอคู่กับกลิ่นและภาพที่ไม่มีกลิ่น และพบว่าผู้เข้ารับการทดสอบสามารถนึกถึงภาพที่มีกลิ่นได้ดีกว่าภาพที่ไม่มีกลิ่น [17]
    • ในแง่ของการนำไปปรับใช้จริงๆ นั้น อาจจะหมายถึงการใช้เทคนิคฝึกสติเพื่อสังเกตสิ่งที่เห็น กลิ่น รส ความรู้สึก และเสียงรอบตัวในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณระลึกถึงเหตุการณ์นั้นได้ชัดเจนขึ้นในภายหลัง
    • นอกจากนี้คุณอาจจะลองอมลูกอมรสมินต์ด้วยก็ได้ เพราะน้ำมันมินต์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นความทรงจำและช่วยให้กระปรี้กระเปร่า [18] แกะลูกอมรสมินต์ใส่ปากเวลาที่คุณอ่านข้อมูลใหม่ๆ หรือเรียนรู้สิ่งที่คุณอยากจะจำได้ในภายหลัง
  8. ลองใช้มือข้างที่ไม่ถนัดทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน. วิธีนี้ท้าทายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณพยายามที่จะเขียนและวาดภาพด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่คุณจะได้บังคับตัวเองให้จดจ่อขณะที่ใช้สมองทั้งสองซีก
    • นั่งลงและเริ่มเขียนหนังสือลงบนกระดาษด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด ตอนแรกๆ ลายมืออาจจะดูขยุกขยุย แต่สักพักคุณจะเริ่มรู้สึกถึงไหล่ที่ตึงและควบคุมมือข้างที่ไม่ถนัดได้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป วิธีนี้ยังใช้กับผู้ป่วยโรคลมชักด้วย [19]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

รักษาทัศนคติที่ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงไหนของชีวิต ทุกคนสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่และพัฒนาพรสวรรค์หรือทักษะได้เสมอ การพัฒนาทักษะใหม่ๆ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองให้คุณ [20]
    • ลองเล่นกีฬาอย่างสเก็ตบอร์ดหรือกอล์ฟ เข้าร่วมวงประสานเสียงหรือชมรมละครตลกมือสมัครเล่น คลายความคาดหวังและอย่ามุ่งหาความสมบูรณ์แบบ แค่เล่นสนุกและพบเจอคนใหม่ๆ ขณะที่ลงมือทำให้ดีที่สุด [21]
    • นอกจากนี้ทักษะบางอย่าง เช่น เรียนภาษาต่างประเทศหรือรหัสคอมพิวเตอร์ ยังเป็นวิธีเพิ่มความเฉียบแหลมทางสติปัญญาที่ดีอีกด้วย [22]
  2. เมื่อเป็นเรื่องของการลับคมสติปัญญาและการรักษาทัศนคติเชิงบวก ประโยชน์ของความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้มีเพียงข้อเดียว เพราะความคิดสร้างสรรค์บังคับให้คุณต้องคิดและใช้กล้ามเนื้อจิตใจ ผลของความพยายามจะช่วยเสริมความมั่นใจในตัวเองและช่วยให้คุณมีความสุขกับชีวิตประจำวัน
    • ลองแต่งกลอน ปักผ้า หัดเล่นเครื่องดนตรี ทำสวน หรือวาดภาพระบายสี แต่ถ้าคุณไม่ได้มีอารมณ์ศิลปินหรือไม่ได้อยากจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ คุณก็อาจจะ ทำขนม หรือเขียนบันทึก เพราะเป็นวิธีที่ดีที่คุณจะได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องใช้ทักษะเฉพาะมากนัก
    • ลองทำภารกิจในชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ เช่น ช็อปปิ้งภายในงบที่กำหนดไว้หรือคิดสูตรอาหารใหม่ๆ ที่มีข้อกำหนดทางอาหารหรือจำกัดวัตถุดิบ รักษาทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน [23]
  3. โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอายุมากแล้ว การทำสิ่งดีๆ คืนให้แก่ชุมชนทำให้คุณรู้สึกถึงการมีเป้าหมายและตัวตน ทำให้เกิดทัศนคติเชิงบวกต่อชีวิตและเจตคติที่ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในวัยสูงอายุ [24]
    • ลองขับรถตระเวนนำอาหารไปให้คนไร้บ้าน เป็นอาสาสมัครที่บ้านพักคนชราและไปร่วมทำกิจกรรมในวันว่าง หรือช่วยเหลือเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าในละแวกบ้าน การมีงานอาสาสมัครทำเป็นประจำทำให้คุณได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ และได้ช่วยเหลือผู้อื่น
  4. จริงอยู่ที่พอคุณอายุมากขึ้น คุณก็ไม่สามารถทำทุกอย่างที่คุณเคยทำเหมือนตอนที่คุณอายุน้อยกว่านี้ได้ แต่แทนที่จะมองว่ามันคือความล้มเหลว ให้มองเสียใหม่ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ และหันมาสนใจสิ่งที่คุณสามารถทำได้แทน [25]
    • การปรับทัศนคติคือการมองสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสายตาที่สดใหม่ ในหลายๆ แง่ทัศนคติคือทุกสิ่งทุกอย่าง คุณสามารถมองความคิดหรือประสบการณ์เชิงลบด้วยมุมมองใหม่ๆ เพื่อให้มันกลายเป็นบวก เช่น คุณอาจจะไม่สามารถนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ได้ดีเท่าที่เคย แต่แทนที่จะมองว่ามันเป็นความล้มเหลวส่วนบุคคลหรือความอับอาย ให้มองว่ามันเป็นผลลัพธ์ตามธรรมชาติของชีวิตที่ใช้มาอย่างคุ้มค่า [26]
  5. เห็นคุณค่าของทุกสิ่ง. นักวิทยาศาสตร์ทำวิจัยเรื่องประโยชน์ของทัศนคติที่เห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ มาแล้วหลายร้อยชิ้น ซึ่งทัศนคตินี้ช่วยเพิ่มความสุขและความพอใจในชีวิต [27] มีหลายเทคนิคที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มความรู้สึกซาบซึ้งต่อสิ่งต่างๆ :
    • เขียนจดหมายขอบคุณถึงคนที่สร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของคุณ และส่งจดหมายนั้นให้เขาเป็นของขวัญ [28]
    • ใช้เวลาเขียนถึงสิ่งต่างๆ เขียนถึงสิ่งต่างๆ ที่คุณเจอและซาบซึ้งอย่างน้อย 3 อย่างทุกวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ (หรือมากกว่านั้น) จะเป็นเรื่องใหญ่ๆ หรือเรื่องเล็กๆ ก็ได้ เขียนลงไปว่ามันทำให้คุณรู้สึกอย่างไร การเขียนทุกวัน เช่น เขียนทุกคืนก่อนนอน ช่วยสร้างทัศนคติที่เห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ได้ [29]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เสริมสร้างระบบความจำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เนื่องจากคุณไม่สามารถ (และไม่จำเป็นต้อง) จำทุกสิ่งทุกอย่างได้ คุณก็ควรจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ในสมองและใช้ทางลัดเพื่อช่วยให้คุณจำในสิ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องพยายามจำให้ได้ [30] การเขียนสิ่งต่างๆ ลงไปเป็นวิธีการสำคัญที่จะรับประกันได้ว่า คุณจะไม่พลาดนัด ลืมกินยา หรือสิ่งสำคัญอื่นๆ ที่คุณไม่ควรลืมเด็ดขาด
    • ลองเขียนงานที่ต้องทำในแต่ละวันและโน้ตเตือนความจำลงบนกระดาษ Post-it หรือกระดานไวต์บอร์ดที่ออฟฟิศ [31]
    • ใช้ปฏิทินหรือแพลนเนอร์เพื่อเช็กเหตุการณ์สำคัญและกำหนดการส่งงานต่างๆ ที่กำลังมาถึง และเขียนรายการของที่ต้องซื้อเพื่อนำติดตัวไปซูเปอร์มาร์เก็ต
  2. การทวนซ้ำสิ่งที่มีคนบอกคุณช่วยกระตุ้นทางเดินในสมอง เพื่อให้แน่ใจได้ว่าคุณจะสามารถจำสิ่งนั้นได้ดีขึ้นในภายหลัง [32]
    • เวลาที่คุณเจอคนใหม่ๆ แล้วพวกเขาแนะนำตัวเอง ให้พูดชื่อเขาซ้ำทันที และทวนอีกครั้งหลังจบบทสนทนา คุณสามารถทวนชื่อของคนอื่นได้แบบสบายๆ เช่น พูดว่า "ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณโจ้" และทวนอีกครั้งหลังจบบทสนทนา "คุยกับคุณสนุกมากเลยค่ะคุณโจ้"
    • ทวนคำแนะนำสำคัญของแพทย์ และถ้าจำเป็นให้เขียนลงไปด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจำได้อย่างถูกต้อง
  3. การเรียนรู้ที่จะทำใจให้สงบและจดจ่อความสนใจไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้จิตใจผ่องใส ซึ่งเสริมสร้างระบบความจำและช่วงความสนใจ [33]
    • งานวิจัยชิ้นหนึ่งกล่าวว่า คนที่ฝึกเจริญสติทุกวันวันละ 20 – 30 นาทีได้คะแนนการทดสอบความจำมาตรฐานมากกว่าคนที่เรียนวิชาโภชนาการ
    • การฝึกเจริญสติคือ การทำสมาธิที่อาศัยการนั่งและการหายใจอย่างช้าๆ ขณะที่จดจ่ออยู่กับประสาทสัมผัสทางร่างกาย เช่น ลมหายใจเข้าและออก พยายามฝึกสมาธิวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 – 20 นาที [34]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ยอมรับการช่วยเหลือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รู้ว่าถึงจุดหนึ่งคุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือ. พอเราแก่ตัวลง ความสามารถในการคิดของเราก็เสื่อมถอยลงแม้ว่าเราจะพยายามรักษาสติปัญญาให้เฉียบแหลมหรือไม่ก็ตาม มันเป็นสัจธรรมหนึ่งของชีวิต คุณต้องอยู่ท่ามกลางคนที่คุณไว้ใจเพื่อที่เมื่อคุณแก่ตัวลง คุณก็จะได้ไว้วางใจให้เขาตัดสินใจเรื่องสำคัญแทนคุณได้เมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น
    • ขณะที่เราแก่ตัวลง เรามักจะจำเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพราะฉะนั้นการมีคนอายุน้อยกว่าที่คุณรู้จักมานาน เช่น ลูกที่โตแล้ว สามารถช่วยเติมความทรงจำให้คุณได้ถ้าคุณจำเป็นต้องนึกถึงเหตุการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา [35]
  2. ก่อนที่คุณจะต้องการผู้ปกครอง คุณควรตัดสินใจว่าใครควรจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเมื่อและถ้าความสามารถทางสติปัญญาของคุณเสื่อมถอย คุณควรจ้างทนายความดำเนินการเตรียมเอกสารให้ถูกต้องเมื่อถึงเวลานั้น [36]
    • ถ้าคุณไม่ได้แต่งตั้งผู้ปกครอง ศาลมักจะสั่งให้ญาติที่ใกล้ชิดที่สุดทำหน้าที่นั้น ซึ่งอาจจะเป็นพี่ชาย/น้องชาย พี่สาว/น้องสาว คู่สมรส หรือลูก ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนใกล้ชิดมีปัญหา (ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมากๆ) คุณก็สมควรแต่งตั้งผู้ปกครองขึ้นมาเอง เพื่อที่การตัดสินใจที่สำคัญนี้จะได้ไม่ไปตกอยู่กับศาล
    • เขียนพินัยกรรมที่บ่งชี้ถึงความปรารถนาครั้งสุดท้ายของคุณในเรื่องของทรัพย์สมบัติและการดูแลรักษาในวาระสุดท้ายของชีวิต เผื่อว่าถ้าคุณสูญเสียความสามารถด้านสติปัญญา คุณก็จะได้แน่ใจได้ว่า ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแย้งกับสิ่งที่คุณหวังไว้ในอนาคตหรือควบคุมคุณได้ [37]
  3. ตัดสินใจเรื่องแผนการดูแลรักษาตั้งแต่ตอนนี้. คุณสามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษาพยาบาลในอนาคตได้ตั้งแต่ตอนนี้ และเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่ผู้ปกครองจะได้รับรู้ถึงความต้องการของคุณ [38]
    • ทนายความของคุณจะช่วยคุณดำเนินการขั้นตอนเหล่านี้ แต่น่าจะแนะนำให้คุณทำหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งได้แก่ หนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล หนังสือมอบอำนาจหรือใบมอบฉันทะ (โดยทั่วไปคือผู้ปกครอง แต่ไม่ทุกกรณี) และความต้องการของคุณเกี่ยวกับการกู้ชีพและการใส่ท่อหายใจ (เช่น คำสั่งปฏิเสธการกู้ชีพ) [39]
  4. ถ้าคุณคิดว่าคุณอาจจะมีอาการทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์หรือภาวะสมองเสื่อม ให้เข้าหาคนที่คุณรักและขอความช่วยเหลือ มีแผนการรักษาและทางเลือกด้านการดูแลสุขภาพที่ช่วยคุณได้หากคุณต่อสู้กับอาการเหล่านี้อยู่
    • อาการของโรคอัลไซเมอร์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นก่อนอายุ 65 ปีจะเรียกว่า "โรคอัลไซเมอร์ชนิดเกิดเร็ว" [40]
    • เป็นเรื่องปกติที่คุณจะกระวนกระวาย กลัว หรือกังวลใจถ้าความทรงจำของคุณเริ่มเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ แต่การพูดคุยกับลูกๆ หรือคนที่คุณรักตั้งแต่ตอนนี้ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า อนาคตของคุณจะปลอดภัยไร้กังวล คุณสามารถมีชีวิตที่ทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายและเติมเต็มแม้ว่าจะได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แล้วก็ตาม [41]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อ่านหนังสือและหนังสือพิมพ์เพื่อเพิ่มพูนความรู้
  • แบ่งปันมุมมองและความคิดต่างๆ ให้คนอื่นฟัง ช่วยพวกเขาแก้ปัญหา แล้วคุณจะได้เจอสถานการณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย
  • จดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณต้องจำด้วยการนึกภาพนั้นในหัว
  • เข้าร่วมชมรมใหม่ๆ การลองทำสิ่งใหม่ที่ต่างจากไปเดิมทำให้สติปัญญาของคุณได้ทำงานในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นสุดท้ายคุณจึงกลายเป็นคนที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมมากขึ้น
  • หลายคนบอกว่าการเรียนภาษาใหม่เป็นวิธีการออกกำลังกายสมองที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นการเรียนภาษาใหม่ยังช่วยเพิ่มโอกาสการจ้างงานในอนาคตของคุณด้วย
  • คุณต้องสนใจสิ่งใหม่ทุกวันและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การทำสมาธิ โยคะ และอาหารที่มีโภชนาการสูงทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย สุขภาพดี และคิดบวก
  • อ่านหนังสือบ่อยๆ วิธีนี้ช่วยเพิ่มทักษะการทำความเข้าใจ
  • ทำจุดสีแดงไว้บนกำแพงแล้วเพ่งสมาธิไปที่จุดนั้น วิธีนี้ช่วยเพิ่มพลังการจอจ่อได้อย่างแน่นอน
  • นอนหลับให้ได้วันละ 7 – 8 ชั่วโมงตามความต้องการของคุณ ปริมาณการนอนสูงสุดที่ต้องการนั้นต่างกันไปตามกลุ่มอายุ
  • รู้สึกดีและมั่นใจในตัวเอง
โฆษณา

คำเตือน

  • ระวังคนที่พยายามจะคิดแทนคุณ แต่ก็ให้เปิดใจรับคำแนะนำดีๆ ถ้าคุณมีสติปัญญาที่เฉียบแหลม คุณจะรับรู้ได้ถึงคำแนะนำที่ดี
  • อย่าเอาใจคนอื่นมากนัก เพราะคนไม่ดีอาจเอาเปรียบคุณได้ ถ้าคุณรักษาสติปัญญาให้เฉียบแหลมอยู่เสมอ เป็นไปได้ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณ
  • สนใจสิ่งที่คุณอยากทำแทนที่จะสนใจสิ่งที่คนอื่นอยากให้คุณทำ
โฆษณา
  1. https://www.psychologytoday.com/blog/memory-medic/201103/how-sleep-helps-memory
  2. https://www.psychologytoday.com/blog/memory-medic/201103/how-sleep-helps-memory
  3. http://www.health.harvard.edu/healthbeat/7-ways-to-keep-your-memory-sharp-at-any-age
  4. http://www.psychologicalscience.org/index.php/news/releases/learning-new-skills-keeps-an-aging-mind-sharp.html
  5. http://well.blogs.nytimes.com/2015/05/11/for-agings-effects-more-solutions-than-proof-of-success/?_r=0
  6. http://www.apa.org/monitor/oct03/aging.aspx
  7. http://well.blogs.nytimes.com/2015/05/11/for-agings-effects-more-solutions-than-proof-of-success/?_r=0
  8. http://www.health.harvard.edu/healthbeat/6-simple-steps-to-keep-your-mind-sharp-at-any-age
  9. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18041606
  10. https://www.bcm.edu/neurology/pdf/poster_pdcmdc_Overflow-dyst-2006Kyoto.pdf
  11. http://www.wsj.com/articles/its-never-to-late-to-learn-new-skills-1420587063
  12. http://www.wsj.com/articles/its-never-to-late-to-learn-new-skills-1420587063
  13. http://www.wsj.com/articles/its-never-to-late-to-learn-new-skills-1420587063
  14. https://www.psychologytoday.com/blog/creative-synthesis/201404/when-it-comes-creativity-attitude-is-key
  15. http://dateline.ucdavis.edu/dl_detail.lasso?id=9693
  16. http://changingminds.org/techniques/general/reframing.htm
  17. http://changingminds.org/techniques/general/reframing.htm
  18. http://greatergood.berkeley.edu/topic/gratitude
  19. http://greatergood.berkeley.edu/topic/gratitude/definition#how_to_cultivate
  20. http://ggia.berkeley.edu/practice/three-good-things#data-tab-how
  21. http://www.health.harvard.edu/healthbeat/6-simple-steps-to-keep-your-mind-sharp-at-any-age
  22. http://well.blogs.nytimes.com/2015/05/11/for-agings-effects-more-solutions-than-proof-of-success/?_r=0
  23. http://www.health.harvard.edu/healthbeat/6-simple-steps-to-keep-your-mind-sharp-at-any-age
  24. www.theatlantic.com/health/archive/2013/05/study-meditation-improves-memory-attention/275564
  25. www.theatlantic.com/health/archive/2013/05/study-meditation-improves-memory-attention/275564
  26. http://www.apa.org/monitor/oct03/aging.aspx
  27. http://www.pbs.org/wgbh/caringforyourparents/handbook/legalissues/importantlegal.html
  28. http://www.pbs.org/wgbh/caringforyourparents/handbook/legalissues/importantlegal.html
  29. http://www.pbs.org/wgbh/caringforyourparents/handbook/legalissues/importantlegal.html
  30. http://www.pbs.org/wgbh/caringforyourparents/handbook/legalissues/importantlegal.html
  31. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/fitness/in-depth/exercise/art-20048389
  32. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/fitness/in-depth/exercise/art-20048389

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 10,891 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา