ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แผลเป็นนั้นอาจมาเยือนคุณได้ในหลายรูปทรงและขนาดและคงเป็นสิ่งที่คุณไม่อยากจะโชว์ออกสื่อซักเท่าไหร่ การจะกำจัดรอยแผลเป็น ลองพิจารณาการรักษาด้วยวัตถุดิบตามธรรมชาติซึ่งเชื่อว่ามีผลช่วยในการรักษาแผลเป็นที่ปลอดภัย (เช่น น้ำมะนาว กูสเบอร์รี่อินเดีย แตงกวา) หรือเชื่อมั่นในการรักษาทางแพทย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว อย่างครีมทาแผลเป็นที่มีส่วนประกอบของกรดอัลฟาไฮดรอกซี่หรือซิลิโคน การรักษาด้วยเลเซอร์ ใช้แปรงหมุนไฟฟ้าขัด มันมีหลายวิธีการให้เลือก ส่วนวิธีไหนจะเหมาะสมนั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของแผลเป็นนั้น เช่นเดียวกับความพึงใจของตัวคุณเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

รักษาด้วยวิธีการธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลมอนประกอบด้วยกรดอัลฟาไฮดรอกซี่ (AHA) ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังกำพร้าและช่วยในการเติบโตของเซลล์ใหม่ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น นอกจากนี้ สารฟอกขาวตามธรรมชาติในเลมอนยังทำให้แผลเป็นจางลงด้วย
    • ทำความสะอาดแผลเป็นและบริเวณรอบๆ ให้ทั่ว
    • เทน้ำเลมอนหนึ่งช้อนชาใส่สำลีก้อน
    • ถูสำลีก้อนตรงบริเวณที่มีแผลเป็น
    • ทิ้งค้างไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
    • น้ำเลมอนจะทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงแดด ดังนั้น เมื่อรักษาแผลเป็นด้วยวิธีนี้ อย่าลืมทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกไปกลางแจ้งด้วยล่ะ [1]
  2. น้ำผึ้งบริสุทธิ์สามารถช่วยให้แผลเป็นจางลงได้เช่นกัน น้ำผึ้งนั้นมีคุณสมบัติตามธรรมชาติในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและสามารถเยียวยาแผลเป็นอย่างได้ผลเพราะจะช่วยกระตุ้นการสร้างใหม่ของเนื้อเยื่อ
    • ผสมน้ำผึ้งบริสุทธิ์กับผงฟูอย่างละ 2 ช้อนชา
    • นำส่วนผสมมานวดบริเวณแผลเป็นประมาณ 3 นาที
    • วางผ้าขนหนูร้อนทับบริเวณดังกล่าว
    • เมื่อผ้าหายร้อน ใช้ผ้าเช็ดบริเวณที่ทาส่วนผสมไว้ให้สะอาด
    • หมายเหตุ: ลองผสมน้ำผึ้งบริสุทธิ์ 2 ช้อนชากับผงฟู 1 ช้อนชาเพื่อทำครีมขัดผิวเพื่อช่วยทำให้แผลเป็นจางลง
  3. วิธีการนี้จะช่วยบรรเทารอยไหม้และยับยั้งไม่ให้แผลเป็นสร้างคอลลาเจน แผลเป็นของคุณจะได้มองไม่ค่อยเห็นไงล่ะ
    • ปกติแล้วสารสกัดจากหัวหอมมักเป็นส่วนผสมของเจลแต้มแผลเป็นอยู่แล้ว
    • การรักษาแผลเป็นด้วยวิธีนี้ต้องใช้เวลาและอาจต้องรอนานหลายเดือนกว่าจะเห็นผล
  4. คุณสมบัติช่วยบรรเทารอยไหม้ของว่านหางจระเข้จะช่วยลดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังและขจัดเซลล์หนังกำพร้าจากบาดแผล นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังช่วยลดอาการบวม ซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่ถูกทำลายและช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้เซลล์ผิวหนังที่สร้างขึ้นใหม่ด้วย
    • คุณสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเจล ขี้ผึ้ง และโลชั่น
    • ทาและนวดว่านหางจระเข้ตรงบริเวณเนื้อเยื่อของแผลเป็นวันละหลายๆ ครั้ง
  5. หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “อัมลา” ลูกกูสเบอรี่อินเดียนั้นอุดมด้วยวิตามินซีและจะใช้ได้ผลดีที่สุดเมื่อรีบทาบริเวณที่เพิ่งเป็นแผลเพราะเจ้าลูกกูสเบอรี่อินเดียนี้จะช่วยยับยั้งการสร้างตัวของเนื้อเยื่อแผลเป็นทันทีเลยล่ะ [2]
    • อมลามักขายเป็นผงแป้งหรือครีมพอก คุณอาจทำครีมพอกจากอมลาใช้เองก็ได้ด้วยการผสมผงอมลากับน้ำหรือน้ำมันมะกอก
    • นวดครีมพอกลงบนผิวบริเวณที่มีแผลเป็น
  6. แตงกวาน่ะทั้งถูก หาง่าย และมักใช้เพื่อทำให้ผิวนุ่มละมุนขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น แตงกวาไม่ค่อยมีฤทธิ์เป็นกรดจึงไม่คอยทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองด้วย
    • ทำครีมพอกจากแตงกวาใช้เองด้วยการปอกเปลือกแตงกวา คว้านเมล็ด และปั่นแตงกวารวมกับใบสะระแหน่ซัก 4-5 ใบ ตีไข่ขาวแยกไว้แล้วเทลงไปปั่นรวมกัน
    • ทาครีมพอกลงบนผิวและทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
    • ล้างออกด้วยน้ำเย็นและซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด
    • ทำซ้ำเป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  7. น้ำมันทีทรีมีคุณสมบัติในการต้านแบคทีเรียและสามารถช่วยเยียวยาแผลเป็น โดยเฉพาะแผลเป็นจากสิวและการผ่าตัดได้หากใช้อย่างถูกวิธี แต่เนื่องจากน้ำมันทีทรีมีฤทธิ์แรง คุณต้องเจือจางน้ำมันนี้ก่อนด้วยน้ำเปล่าก่อนที่จะนำไปทาผิว ข้อควรระวังคือ ห้ามฉีดน้ำมันทีทรีเข้าร่างกายเด็ดขาด
    • ผสมน้ำมันทีทรีเล็กน้อยกับน้ำอุ่นเพื่อตีฟอง
    • ถูฟองที่ได้ตรงบริเวณที่เป็นแผลเป็นจากนั้นล้างและเช็ดออกเบา ๆ
    • หลังจากใช้น้ำมันตัวนี้ คุณอาจรู้สึกแสบหรือปวดนิดหน่อยซึ่งอาจเกิดจากการทำงานของสารต้านแบคทีเรีย ถ้าไม่หายปวดซักที คุณควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนที่จะใช้ต่อ
  8. น้ำมันมะกอกอุดมด้วยวิตามินอีและเคซึ่งดีต่อผิวและช่วยให้แผลเป็นจางลงอย่างได้ผลและรวดเร็ว น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์นั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและมีความเป็นกรดสูงซึ่งจะช่วยให้แผลเป็นจางลงได้
    • ทาน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชาลงบนแผลเป็น ใช้ปริมาณน้อยกว่านี้หากแผลเป็นมีขนาดเล็ก
    • นวดน้ำมันมะกอกที่แผลเป็นซัก 5 นาทีเพื่อที่เนื้อเยื่อของแผลเป็นจะได้นุ่มลง
    • ทิ้งน้ำมันมะกอกค้างไว้บนผิวซัก 10 นาที จากนั้นเช็ดออกด้วยผ้าขนหนูสะอาด
    • ก็เหมือนกับน้ำมะนาว จะต้องทาเนยโกโก้บนแผลเป็นทุกวันเพื่อให้หาย ถูบริเวณที่เป็นแผล เริ่มตทำตั้งแต่ตอนที่สะเก็ดเริ่มหลุดออก
    • ไม่จำเป็นต้องล้างออก เพราะมันสามารถซึมซับเข้าสู่ผิว
    • เนยโกโก้มักจะถูกแนะนำสำหรับนำมาใช้ลบรอยเย็บและช่วยรักษารอยสักให้หายไวขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การดูแลแผลเป็นโดยทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงคุณจะไม่สามารถห้ามไม่ให้แผลเป็นเกิดขึ้นได้ แต่คุณสามารถจำกัดการเติบโตของแผลเป็นได้หลายวิธีเลยล่ะ: [3]
    • ปิดแผลด้วยผ้าพันแผล
    • เพิ่มความชุ่มชื้นให้บาดแผลด้วยครีมปฏิชีวนะเพื่อที่แผลจะได้ไม่แห้งและตกสะเก็ด
    • กดแผลไว้ขณะแผลกำลังเยียวยาเพื่อป้องกันไม่ให้แผลเป็นสร้างคอลลาเจนขึ้นมา
    • นวดบริเวณที่เป็นแผลเป็นเมื่อผิวหนังใหม่เกิดขึ้นมาแทนที่เพื่อที่ผิวหนังบริเวณแผลจะได้อ่อนนุ่มและมองไม่ค่อยเห็นแผลเป็น
  2. รังสีอัลตราไวโอเรตจะรบกวนกระบวนการรักษาและทำให้แผลเป็นเปลี่ยนสีและมองเห็นง่ายกว่าเดิมด้วย
  3. ปกปิดแผลเป็นที่ไม่ยอมหายไปซักทีด้วยเครื่องสำอาง. ถ้าคุณอยากซ่อนแผลเป็นไว้ ลองทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ดูสิ:
    • ล้างแผลเป็นด้วยสครับขัดผิวเพื่อขจัดเซลล์หนังกำพร้าและทำให้บริเวณแผลเป็นนุ่มลง
    • เพิ่มความชุ่มชื้นที่บริเวณแผลเป็นเพื่อให้แผลเป็นเรียบเนียนและพร้อมรับการเยียวยาจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ
    • ลองใช้เครื่องสำอางอำพรางแผลเป็นซึ่งจะช่วยปกปิดได้ดีกว่าเครื่องสำอางทั่วไป โดยเลือกใช้สีที่ใกล้เคียงกับสีผิวของคุณที่สุด
    • โปะแป้งทับเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องสำอางหลุดลอกระหว่างวัน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้ยารักษาเองที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้ซิลิโคนแบบเจลหรือแผ่นทาหรือวางทับบริเวณเนื้อเยื่อแผลเป็น ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าซิลิโคนสามารถช่วยให้แผลเป็นดูจางและยุบลงอย่างได้ผล
    • คุณสามารถทาเจลซิลิโคนลงบนแผลเป็นได้โดยตรง
    • วางแผ่นซิลิโคนไว้ตรงบริเวณที่เป็นแผลให้แนบสนิทกับผิวหนัง คุณอาจใช้เทปยาแปะแผ่นซิลิโคนไว้ก็ได้ถ้าไม่สามารถจัดแจงให้ซิลิโคนอยู่นิ่งๆ กับที่ได้
  2. กรดอัลฟาไฮดรอกซี่ในผลไม้นั้นสามารถช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังกำพร้าได้ โดยกรดตัวนี้มีความเข้มข้นหลายระดับและอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ดังนั้น คุณควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนว่าควรใช้กรดความเข้มข้นระดับใดแล้วค่อยทดลองใช้ คุณสามารถหาซื้อกรดอัลฟาไฮดรอกซี่ได้ในรูปแบบของมอยซ์เจอไรเซอร์ที่สามารถทาลงบนผิวได้เลย [4]
  3. ลองใช้ยาบรรเทาแผลเป็นที่หาซื้อได้ตามเคาน์เตอร์ยา. โดยยาเหล่านี้มีหลากหลายแบบให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของครีม ขี้ผึ้ง สีผึ้ง โลชั่น เจล หรือ ครีมพอก ยาบรรเทาแผลเป็นมักมีส่วนประกอบของสารต่างๆ ที่ได้กล่าวไปแล้วด้านบนอย่างน้อยหนึ่งอย่างหรือไม่ก็หลายอย่างผสมกัน ซึ่งส่วนประกอบโดยส่วนมากก็คือซิลิโคนนั่นแหละ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

รักษาทางการแพทย์ตามสถานพยาบาล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรักษาแผลเป็นด้วยเลเซอร์คือการฉายแสงอย่างอ่อนที่บริเวณแผลเป็นและมักใช้เพื่อลดอาการแดงหรืออาการบวมของแผลเป็นนั่นเอง
  2. ปรึกษาแพทย์เรื่องการผ่าตัดเพื่อรักษาแผลเป็น. การรักษาด้วยวิธีนี้คือการกำจัดแผลเป็นออกไปและผสานผิวหนังที่ยังดีอยู่รอบๆ แผลเป็น โดยแผลเป็นจะบางลง เล็กลง หรือมองไม่ค่อยเห็น ไม่ก็ถูกซ่อนไว้หลังริ้วรอยและแนวผมนั่นเอง
  3. วิธีเดอร์มาเบรชั่นคือการทำให้ผิวหนังเรียบเนียนขึ้นด้วยแปรงหมุนไฟฟ้า ศัลยแพทย์จะใช้แปรงกรอเอาเนื้อเยื่อแผลเป็นออก ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นาน แต่คุณจะยังรู้สึกตัวอยู่และอาจจะไม่สบายเนื้อสบายตัวได้
  4. ปรึกษาแพทย์เรื่องการฉีดเติมเต็มเนื้อเยื่ออ่อน. วิธีการรักษานี้คือการที่แพทย์ฉีดสารอันได้แก่ไขมันและคอลลาเจนลงไปในผิวของคุณเพื่อรักษาแผลเป็นนุ่มๆ ที่มีลักษณะเว้าแหว่งนั่นเอง
  5. ขั้นตอนนี้คือการนำผิวหนังสุขภาพดีขนาดเล็กมาแทนที่เนื้อเยื่อที่เป็นแผลเป็น โดยแพทย์จะใช้เครื่องมืดตัดทรงกลมขนาดเล็กตัดแผลเป็นออกไปและเติมบริเวณนั้นด้วยผิวหนังที่เข้ากันได้ซึ่งนำมาจากส่วนอื่นๆ ที่ไม่มีแผลเป็นแทน
  6. โดยขั้นตอนนี้จะใช้สารเคมีเพื่อลอกผิวหนังชั้นบนของคุณออกซึ่งจะทำให้แผลเป็นเรียบเนียนขึ้น แต่ถ้าแผลเป็นมีขนาดใหญ่ก็จะใช้ไม่ค่อยได้ผลนัก
  7. โดยขั้นตอนนี้จะเป็นการแช่แข็งผิวหนังชั้นบนเพื่อลดอาการพองซึ่งจะช่วยในการผ่าตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินจากแผลเป็นออก
  8. การฉีดคอร์ติโซนจะช่วยทำให้แผลเป็นหดตัวและนุ่มลง โดยเฉพาะแผลเป็นที่นูนขึ้นมาหรือคีลอยด์ซึ่งเกิดจากการรักษาที่มากเกินไป [5]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ผิวรอบๆ แผลเป็นอาจจะแห้งชั่วคราวหลังจากทาเจลว่านหางจระเข้
  • ลองใช้ไบโอออยเพื่อรักษาให้แผลเป็นเก่าๆ ให้ดูดีขึ้น
  • แผ่นซิลิโคนสามารถล้างและนำมาใช้ใหม่ได้
  • ล้างหน้าบ่อย ๆ
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าแผลของคุณกำลังตกสะเก็ด อย่าแกะออกเด็ดขาด! โดยเฉพาะสะเก็ดแผลบนใบหน้า ใบหน้าน่ะเป็นส่วนที่เปราะบางมากเลยนะ ถ้าคุณแกะสะเก็ดแผลออก คุณอาจจะมีแผลเป็นติดหน้าไปตลอดเลยก็ได้นะ!
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,421 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา