ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพโดยส่วนใหญ่ต่างแนะนำการลดน้ำหนักแบบช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการลดน้ำหนักลงสัปดาห์ละ 0.5-1 กิโลกรัมจัดเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและง่ายต่อการควบคุมน้ำหนักในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งคุณอาจต้องการให้น้ำหนักตัวลดลงเร็วกว่าเดิมสักเล็กน้อยเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสสำคัญหรือเหตุการณ์พิเศษที่ใกล้เข้ามา เมื่อต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น คุณจะต้องทำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมครั้งใหญ่ทั้งในด้านการเลือกทานอาหารและด้านการออกกำลังกาย แต่พึงระวังไว้ว่าการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วนอาจมีความเสี่ยงต่างๆ ตามมาได้ ดังนั้นอย่าลืมปรึกษาแพทย์ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกจากนี้ เพื่อความง่ายดายและปลอดภัยยิ่งขึ้น คุณสามารถมองหาเคล็ดลับต่างๆ ที่ช่วยให้คุณดูผอมเพรียวได้โดยไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนักให้น้อยลง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

เตรียมตัวให้พร้อม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กำหนด เป้าหมาย . การทำให้รูปร่างดูผอมเพรียวมากขึ้นในเวลาอันสั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ ดังนั้นการกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและมีช่วงเวลาชัดเจนจะสามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักตามที่ตั้งไว้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
    • ลองนึกถึงวิธีที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยพยายามเจาะจงให้ชัดเจนที่สุดเพื่อให้คุณทราบถึงแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับคุณ
    • สมมติว่าเป้าหมายของคุณคือการลดน้ำหนักลง 2.5 กิโลกรัม ให้คุณเริ่มต้นวางแผนเพื่อกำหนดข้อควรปฏิบัติและรูปแบบการทานอาหาร
    • ตัวอย่างของการกำหนดเป้าหมายอย่างเหมาะสมได้แก่ “เป้าหมายของฉันคือการลดน้ำหนักลง 2.5 กิโลกรัมภายใน 2 สัปดาห์ด้วยการจำกัดปริมาณการทานวันละ 1200 แคลอรี่และออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน”
  2. เพื่อให้คุณสามารถลดน้ำหนักลงได้ 2.5 กิโลกรัม คุณจำเป็นต้องตัดแคลอรี่ที่ได้รับระหว่างวันออกไปในปริมาณที่ค่อนข้างมาก
    • หากต้องการลดน้ำหนักลง 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ คุณจะต้องเผาผลาญพลังงานให้ได้ 500-1000 แคลอรี่ในทุกๆ วัน ซึ่งจะสามารถทำได้ด้วยการควบคุมปริมาณแคลอรี่ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย [1]
    • ในช่วงของการจำกัดปริมาณแคลอรี่ ร่างกายของคุณยังคงจำเป็นต้องได้รับสารอาหารและวิตามินที่เพียงพอจากอาหารที่เลือกทาน ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังคงได้รับสารอาหารอย่างพอเหมาะในระหว่างการควบคุมอาหาร
    • ปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับน้อยลงจะทำให้คุณสามารถลดน้ำหนักลงได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ทานในปริมาณน้อยกว่า 1200 แคลอรี่ต่อวัน ยกเว้นในโปรแกรมลดน้ำหนักที่อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
  3. ในบางทีส่วนที่ยากที่สุดคือการยืนหยัดในเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งความยากอาจทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อคุณตั้งข้อจำกัดที่เข้มงวดให้กับตัวเอง ด้วยเหตุนี้สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่เพียงการพยายามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเท่านั้น แต่การพยายามเพื่อยืนหยัดในเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็เป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน
    • ทำไดอารี่อาหาร สำหรับจดบันทึกอาหารทั้งหมดที่ทานหรือดื่มในแต่ละวันรวมถึงปริมาณการออกกำลังของคุณ วิธีนี้จะทำให้คุณมองเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองและช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนและแก้ไขเพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด [2]
    • ขอแรงสนับสนุนจากเพื่อนสักคน เพราะเพียงความคิดเห็นจากผู้อื่นก็สามารถสร้างความมั่นใจให้กับคุณได้ นอกจากนี้ การมีคนคอยควบคุมดูแลพฤติกรรมของคุณ (รวมถึงไดอารี่อาหาร) จะยิ่งทำให้คุณมีระเบียบวินัยมากยิ่งขึ้น [3] และพวกเขายังสามารถช่วยสร้างแรงกระตุ้นเมื่อคุณเกิดออกนอกลู่นอกทางได้อีกด้วย
    • ให้รางวัลตัวเองเสียบ้าง ลองกำหนดรางวัลไว้ชิ้นหนึ่งสำหรับเมื่อคุณทำสำเร็จไปได้ครึ่งทางและอีกชิ้นหนึ่งสำหรับตอนที่คุณบรรลุเป้าหมายแล้ว โดยรางวัลที่คุณจะมอบให้กับตัวเองสามารถเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทริปวันหยุดพักผ่อนสั้นๆ การออกไปช็อปปิ้ง หรือภาพยนตร์สักเรื่อง ตราบใดที่รางวัลไม่เกี่ยวข้องกับอาหารเท่านั้นก็เพียงพอ
  4. การลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วนสามารถให้ผลลัพธ์ได้ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะสามารถคงน้ำหนักตัวเท่านี้ไว้ได้ตลอดไป (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้วิธีตัดคาร์บในช่วงเวลาหนึ่งและกลับมาทานตามปกติอีกครั้ง) โดยน้ำหนักที่หายไปมักจะกลับมาอย่างรวดเร็วหรือที่เรียกกันว่า “โยโย่เอฟเฟกต์” ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้ [4]
    • เพื่อผลลัพพ์ที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพ การลดน้ำหนักของคุณควรทำในรูปแบบระยะยาวและเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผลการศึกษาพบว่าเมื่อต้องการลดน้ำหนักหรือดูผอมลงภายในระยะเวลาอันสั้น คุณควรให้ความสำคัญกับการทานโปรตีนปราศจากไขมันเป็นหลักทั้งในมื้ออาหารและมื้อว่างของคุณ [5]
    • โปรตีนปราศจากไขมันจะกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญและช่วยให้คุณอิ่มท้องนานขึ้นตลอดทั้งวัน
    • ทานโปรตีนปราศจากไขมันอย่างน้อย 1-2 เสิร์ฟต่อมื้อ โดยให้เสิร์ฟหนึ่งมีปริมาณอยู่ที่ประมาณ 80-120 กรัม [6] หรือมีปริมาณเท่าๆ กับขนาดของไพ่สำรับหนึ่งหรือฝ่ามือผู้ใหญ่
    • โปรตีนปราศจากไขมันที่ควรเลือกทานได้แก่ เนื้อสัตว์ปีก ไข่ เนื้อวัวไร้มัน เนื้อหมู อาหารทะเล พืชตระกูลถั่ว และเต้าหู้
  2. นอกเหนือจากโปรตีนปราศจากไขมันแล้ว การทานผักและผลไม้ในปริมาณที่เพียงพอก็เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ในการจำกัดปริมาณแคลอรี่และเพิ่มความรวดเร็วในการลดน้ำหนัก
    • ผักและผลไม้มีปริมาณแคลอรี่ที่ค่อนข้างต่ำและยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุที่สูง จึงสามารถเพิ่มเข้าไปในมื้ออาหารของคุณได้ในปริมาณมากและช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้องขึ้นด้วยปริมาณแคลอรี่เพียงเล็กน้อย [7]
    • เลือกทานผักที่มีแป้งต่ำเป็นหลัก (เช่น ผักกาดหอม บรอกโคลี กะหล่ำดาว หรือถั่วแขก) เนื่องจากผักที่มีแป้งสูง (เช่น แครอท ถั่ว หรือมันฝรั่ง) จะมีปริมาณแคลอรี่และคาร์โบไฮเดรตที่ค่อนข้างสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งอาจชะลอการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนของคุณให้ช้าลงกว่าเดิมได้ (แต่ไม่ได้ทำให้หยุดไปเลย) [8]
  3. เพื่อให้รูปร่างของคุณดูผอมลงอย่างรวดเร็ว คุณอาจจำเป็นต้องตัดอาหารบางประเภทออกไปจากมื้ออาหารของคุณ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการงดการทานธัญพืชจะช่วยให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่การทำเช่นนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างรุนแรงได้ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องงดทานธัญพืชโดยสิ้นเชิง แต่ให้ใช้วิธีหลีกเลี่ยงธัญพืชฟอกขาวหรือแปรรูปและเลือกทานธัญพืชเต็มเมล็ดแทน
    • ผลการศึกษาพบว่าการทานอาหารที่มีคาร์บต่ำสามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้รวดเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณกลับมาทานคาร์บอีกครั้งหลังจากที่แผนการควบคุมอาหารของคุณสิ้นสุดลง มีโอกาสสูงอย่างมากที่น้ำหนักตัวของคุณจะเพิ่มกลับมาเท่าเดิมจนนำไปสู่การเกิดโยโย่เอฟเฟกต์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ [9] ดังนั้นการเน้นทานโปรตีนปราศจากไขมันและผักที่มีแป้งต่ำจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมอาหารของคุณ [10]
    • ธัญพืชชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธัญพืชเต็มเมล็ด มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับใครหลายๆ คน ดังนั้นหากคุณต้องการทานธัญพืช พยายามเลือกทานธัญพืชเต็มเมล็ดที่มีไฟเบอร์และสารอาหารสำคัญอื่นๆ ในปริมาณสูง [11]
  4. เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำให้มากขึ้น . การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอไม่เพียงมีความสำคัญต่อสุขภาพของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย
    • ดื่มน้ำ 2 แก้วก่อนการทานอาหารทุกมื้อเพื่อลดความอยากอาหารของคุณลง เพราะเมื่อในกระเพาะอาหารของคุณเต็มไปด้วยน้ำ อาจทำให้คุณสามารถทานได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มท้องโดยไม่จำเป็นต้องทานในปริมาณมาก
    • ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ คุณอาจรู้สึกหิวขึ้นมาทั้งที่จริงๆ แล้วคุณเพียงแค่กระหายน้ำเท่านั้น
    • พยายามดื่มน้ำให้ได้วันละอย่างน้อย 8 แก้ว อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนแนะนำให้ดื่มน้ำมากถึง 13 แก้วต่อวันขึ้นอยู่กับขนาดของร่างกายและระดับกิจกรรมที่ทำระหว่างวัน [12]
  5. อาหารแปรรูปโดยส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารให้ความหวาน เกลือ วัตถุปรุงแต่งรส ไขมัน และสารกันบูดในปริมาณมาก อีกทั้งยังมีปริมาณแคลอรี่ที่สูงแต่กลับมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น [13] ดังนั้นคุณจึงควรงดทานอาหารแปรรูปโดยเด็ดขาดเมื่อต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
    • นอกจากนี้ อาหารแปรรูปยังมักขาดสารอาหารสำคัญต่างๆ เช่น ไฟเบอร์ สารต้านอนุมูลอิสระ และไขมัน “ดี” [14]
    • อาหารแปรรูปยอดนิยมได้แก่ อาหารแช่แข็ง แครกเกอร์ มันฝรั่งทอดกรอบ ลูกกวาด เครื่องดื่มรสหวาน ของหวาน เนื้อสัตว์แปรรูป และอาหารกระป๋อง
    • ลองทำอาหารทานเองที่บ้านให้บ่อยขึ้นแทนการเลือกทานอาหารตามร้านหรืออาหารแปรรูป การทำอาหารทานเองจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดและควบคุมส่วนผสมและขั้นตอนการปรุงอาหารได้ง่ายยิ่งขึ้น
    • หากคุณต้องการดูผอมลงภายในเวลาอันรวดเร็ว แอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรงดโดยเด็ดขาดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายได้รับแคลอรี่ที่ไม่จำเป็น
  6. มีสูตรลดน้ำหนักมากมายตามท้องตลาดที่อ้างว่าสามารถช่วยในการลดน้ำหนักอย่างได้ผลภายในระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม รูปแบบการลดน้ำหนักเหล่านี้อาจไม่ปลอดภัยหรือเหมาะสมต่อสุขภาพของคุณ [15]
    • ตัวอย่างของการลดน้ำหนักแบบ Fad diets ได้แก่ การล้างสารพิษ การล้างสารพิษด้วยน้ำผักผลไม้ หรือการทานยา ใช้สารสกัดจากพืช หรือฉีดยาเพื่อลดความอ้วน ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักมีการอ้างว่าสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ง่ายๆ โดยแทบไม่มีความยุ่งยากใดๆ
    • ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพโดยส่วนใหญ่ต่างไม่แนะนำให้ใช้สูตรลดน้ำหนักดังกล่าว เนื่องจากรูปแบบการลดน้ำหนักเหล่านี้มักถูกพิจารณาว่าไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพจากปริมาณสารอาหารที่ต่ำ (ซึ่งอาจนำไปสู่โรคขาดสารอาหารได้ในที่สุด) นอกจากนี้ น้ำหนักที่ลดลงไปนั้นเป็นเพียงผลลัพธ์ที่ได้ชั่วคราวเท่านั้นและไม่สามารถคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน [16]
    • หากคุณสนใจลดน้ำหนักด้วยหนึ่งในโปรแกรมเหล่านี้ คุณควรปรึกษาแพทย์ให้เรียบร้อยเสียก่อน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มเติมและช่วยให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
    • พยายามออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอด้วยระดับความเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ [17]
    • การเพิ่มความเข้มข้นหรือเพิ่มเวลาการออกกำลังกายให้มากกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ช่วยให้คุณสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากยิ่งขึ้น [18]
    • ลองออกกำลังกายด้วยวิธีต่างๆ อย่างการวิ่ง การขี่จักรยาน การต่อยมวย หรือการเล่นกีฬา
    • หมายเหตุ: ระมัดระวังเป็นพิเศษหากคุณอยู่ในช่วงของการควบคุมจำนวนแคลอรี่ในปริมาณมาก เนื่องจากการออกกำลังกายหนักจนเกินไปอาจทำให้ร่างกายของคุณเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้ ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของคุณ
  2. เพื่อให้รูปร่างของคุณดูกระชับยิ่งขึ้น คุณควรออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งเพิ่มเติม จำไว้ว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและแบบมีแรงต้านควบคู่กันไปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายของคุณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
    • จัดเวลาอย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์สำหรับออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง โดยเน้นการบริหารกล้ามเนื้อมัดหลักๆ แต่ละกลุ่มเพื่อการฝึกร่างกายอย่างครอบคลุม [19]
    • ออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อเป็นประจำเพื่อช่วยในการรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในช่วงที่คุณกำลังลดน้ำหนักอยู่
  3. การทำกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมจากกิจกรรมปกติในชีวิตประจำวันของคุณเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น [20] ดังนั้นลองหาวิธีเพิ่มจำนวนก้าวเดินหรือการขยับร่างกายในระหว่างวันให้ได้มากที่สุด
    • กิจกรรมปกติในชีวิตประจำวันคือกิจกรรมต่างๆ ที่คุณทำเป็นประจำทุกวัน เช่น เดินไปที่ลานจอดรถ เดินขึ้นลงบันได หรือจัดการธุระต่างๆ
    • ลองนึกถึงกิจกรรมที่ทำในระหว่างวันและดูว่าคุณจะสามารถเพิ่มจำนวนก้าวเดินหรือการขยับร่างกายให้มากขึ้นได้อย่างไรบ้าง เช่น คุณอาจจอดรถให้ไกลจากจุดหมายของคุณมากขึ้น เดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือฝึกท่า Knee raise ในระหว่างช่วงโฆษณาของรายการโทรทัศน์
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ดูผอมเพรียวลงโดยไม่ต้องลดน้ำหนัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาหารบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักชนิดต่างๆ สามารถทำให้เกิดแก๊สในระบบย่อยอาหารได้มากกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้คุณรู้สึกแน่นท้องและทำให้ท้องดูป่องขึ้นได้
    • จำกัดปริมาณการทานอาหารบางชนิด เช่น ถั่ว สลัด บรอกโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี และกะหล่ำดาว เพื่อลดปริมาณการเกิดแก๊สในร่างกาย
    • ลดการทานอาหารเหล่านี้ 2-3 วันก่อนถึงวันสำคัญของคุณเพื่อช่วยให้คุณไม่รู้สึกแน่นท้องและสามารถสวมกางเกงหรือชุดกระโปรงตัวเล็กๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถทานยาสามัญประจำบ้านฤทธิ์อ่อนที่ช่วยป้องกันหรือรักษาการเกิดแก๊สและอาการท้องอืดได้เช่นกัน
  2. ในปัจจุบันมีการพัฒนาชุดชั้นในที่ช่วยในการกระชับสัดส่วนทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิงออกมาหลากหลายรูปแบบ ซึ่งชุดกระชับสัดส่วนเป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณดูผอมเพรียวลงได้ในทันทีโดยไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก
    • ชุดกระชับสัดส่วนไม่เพียงทำให้รูปร่างของคุณดูผอมลงเท่านั้น แต่ยังช่วยเน้นส่วนโค้งเว้าให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้นรวมถึงเก็บเนื้อบริเวณเอวที่ปลิ้นออกมาได้ด้วยเช่นกัน
    • คุณสามารถหาซื้อชุดกระชับสัดส่วนได้ทั้งแบบเฉพาะส่วนหรือแบบเต็มตัว เช่น เมื่อคุณต้องการรัดกระชับที่บริเวณหน้าท้อง หน้าอก ต้นขา หรือสะโพก
  3. การเลือกสวมเสื้อผ้าสีดำหรือเพียงสีเดียวเป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณดูผอมเพรียวลงได้ในทันที วิธีนี้เป็นเคล็ดลับด้านแฟชั่นที่ใช้กันมาอย่างยาวนานและยังคงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
    • ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าสีดำเท่านั้นที่ช่วยให้คุณดูผอมลงได้ แต่เสื้อผ้าเฉดสีเข้มทั้งหมด (เช่น ยีนส์สีน้ำเงินเข้ม) ล้วนมีส่วนช่วยทำให้รูปร่างของคุณดูเพรียวบางลงได้เช่นกัน
    • หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าสีอ่อนเช่นสีขาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเสื้อผ้าท่อนล่าง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหรือแบบแอโรบิคติดต่อกันอย่างน้อย 30-45 นาทีเพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
  • ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนเริ่มต้นปรับเปลี่ยนแผนการทานอาหารหรือการออกกำลังกายของคุณ โดยแพทย์ของคุณจะสามารถแนะนำวิธีการลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับคุณได้
โฆษณา

คำเตือน

  • น้ำหนักตัวที่ลดลงและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือที่เรียกว่าโยโย่เอฟเฟกต์สามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพที่รุนแรงในระยะยาวและผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักอาจไม่สามารถคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,647 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา