ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เดินป่าไกลๆ หรือ? นั่งเครื่องบินเล็ก? หรือว่าคุณเบื่อที่จะเข้าห้องน้ำบ่อยเหลือเกิน? บทความนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยจนเกินไปไม่ว่ากรณีของคุณจะเป็นอย่างไร แต่จงจำไว้ว่าการพยายามเลี่ยงการขับถ่ายอุจจาระอาจจะก่อให้เกิดอาการท้องผูก ซึ่งอาจจะแย่ แต่ก็ไม่แย่ไปกว่าการถ่ายอุจจาระบ่อยจนเกินไป

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ดูแลจัดการเรื่องอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลายครั้ง การไปต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ก็บ่งบอกถึงอาการแพ้อาหารหรืออาการย่อยไม่ได้ [1]
    • ทำบันทึกอาหาร เขียนทุกสิ่งที่คุณกินและเวลาที่คุณกินมันเข้าไป เมื่อคุณถ่ายหนักให้จดลงไปในสมุดบันทึกด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วแบบแผนของมันก็จะปรากฏ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณกินอาหารรสเผ็ด คุณจะปวดท้องถ่ายหนักบ่อยขึ้น
  2. การกินจุบจิบจะทำให้ปริมาณอุจจาระที่ต้องเอาออกจากร่างกายเพิ่มขึ้น และยังเพิ่มความถี่และความต่อเนื่องของอุจจาระที่จะเคลื่อนสู่ทางออก ถ้าคุณจำเป็นต้องกิน กินอย่างพอประมาณ
  3. การย่อยแลคโตสไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ คนที่มีอาการย่อยแลคโตสไม่ได้จะไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสที่อยู่ในผลิตภัณฑ์นม อาการที่พบจะมีการปวดท้อง ท้องอืด และท้องร่วง [2]
    • คุณอาจจะกินชีสต่อไปได้ คนบางคนลำไส้ไม่สามารถย่อยแลคโตสได้แต่สามารถกินชีสได้ เพราะชีสหลากหลายชนิดมีแลคโตสในปริมาณน้อย โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งชีสอายุมากเท่าไหร่ยิ่งมีแลคโตสน้อยเท่านั้น
    • อ่านฉลากผลิตภัณฑ์นม แลคโตสคือน้ำตาลชนิดหนึ่ง ดังนั้นน้ำตาลในผลิตภัณฑ์นมน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแลคโตสน้อยเท่านั้น
  4. หลีกเลี่ยงกาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่นๆ. คาเฟอีนจะกระตุ้นกล้ามเนื้อที่รับผิดชอบการขับถ่าย [3]
    • พยายามแทนที่เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนด้วยน้ำเปล่า น้ำผลไม้ หรือน้ำ
    • พยายามลดปริมาณคาเฟอีนที่บริโภคต่อวัน ยกตัวอย่างเช่น ลดกาแฟจากวันละ 4 แก้วเป็นวันละ 2 แก้ว หรือไม่ก็ลองกินกาแฟที่มีคาเฟอีนน้อยกว่า ซึ่งมีคาเฟอีนแค่ครึ่งเดียวต่อแก้วเมื่อเทียบกับกาแฟปกติ
  5. การบริโภคอาหารที่มีกากใยมากเกินไปทำให้ปวดท้องอุจจาระบ่อยขึ้น [4] ถ้าคุณกินผักหรือผลไม้ซึ่งมีกากใยสูงมาก คุณอาจจะต้องลดลง กรมควบคุมโรคแนะนำว่าผักแค่ 2.5-3 ถ้วยต่อวันเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่ออกกำลังกายวันหนึ่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ส่วนคนที่ออกกำลังกายหนักกว่านั้นก็อาจจะทานผักได้มากกว่านั้น [5]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เปลี่ยนแปลงเรื่องการใช้ชีวิตและเรื่องสุขภาพ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ยาบางชนิดก็เพิ่มอาการปวดอุจจาระหรือก่ออาการท้องร่วง ตรวจดูฉลากที่สอดมาในกล่องยา ถ้าอาการท้องร่วงหรืออาการปวดอุจจาระถูกระบุเอาไว้ว่าเป็นผลข้างเคียง ให้ปรึกษาเภสัชหรือที่ปรึกษาทางสุขภาพหากคุณมีอาการเหล่านี้
    • ยารักษาสมาธิสั้นระบุว่ามีผลข้างเคียงเป็นอาการท้องร่วง
    • ยาสามัญอื่นๆ ก็อาจก่อให้เกิดอาการท้องร่วงได้ รวมถึงไมเฟพริสโตน, ยาแก้อาการท้องผูก, และยาระบาย [7]
  2. แอลกอฮอล์สามารก่ออาการท้องร่วงและอาจทำให้อาการจากยาที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ อย่างเช่น อาการลำไส้แปรปรวนรุนแรงขึ้น [8]
  3. [9] ความเครียดอาจทำให้ปวดท้องถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้นและอาจก่อให้เกิดอาการท้องร่วง ผู้คนมักจะรู้สึกกังวลเรื่องความสัมพันธ์ การเงิน การสอบ และเหตุการณ์ใหญ่ในชีวิตอื่นๆ
    • หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำใครเครียดที่หลีกเลี่ยงได้ รวมถึงการเปลี่ยนแผนการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการจราจรติดขัด หรือหลีกเลี่ยง หรือหลีกเลี่ยงเพื่อนร่วมงานที่เข้ากันไม่ได้
    • เห็นค่าเวลาของคุณ เรียนรู้ที่จะตอบปฏิเสธเมื่อใครสักขอให้คุณช่วยเหลือในนาทีสุดท้ายของเส้นตายหรือกิจกรรมอื่นๆ ที่คุณไม่มีเวลาให้จริง ๆ
    • สื่อสารพร้อมด้วยการให้เกียรติ หากเพื่อนบ้านของคุณจัดงานแข่งเบสบอลนอกบ้านและทำให้การจราจรละแวกหมู่บ้านติดขัด ขอร้องให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นอย่างสุภาพ บางทีเขาอาจจะส่งเสริมให้พ่อแม่ใช้รถคันเดียวกันหรือไปจอดรถไกลกว่านั้น
    • เตรียมการล่วงหน้าว่าคุณมีเวลาเท่าไหร่ที่จะสามารถกำหนดให้โครงการ การพูดคุย หรือกิจกรรมอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนร่วมงานดิ่งมาหาคุณในขณะที่คุณกำลังจะออกไปประชุม ให้บอกพวกเขาอย่างสุภาพว่าคุณมีเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้นที่จะรับฟัง
    • ให้อภัยและก้าวต่อไป การเก็บความโกรธหรือความบาดหมางเอาไว้ต้องใช้พลังงาน – พลังงานของคุณ พูดคุยกับคนที่ทำผิดกับคุณและแสดงความรู้สึกออกไปอย่างซื่อสัตย์ รู้เอาไว้ก่อนว่าคำตอบของพวกเขาอาจจะเป็นหรือไม่เป็นอย่างที่คุณอยากได้ยิน บางครั้งการยักไหล่แล้วไปต่อคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้
    • ทำตัวให้ยืดหยุ่นและปรับตัวง่าย ชีวิตมักจะนำพาเรื่องที่คาดไม่ถึงมาให้เราเสมอ ซึ่งสำคัญเท่ากับการมีแผนการสำหรับอะไรหลาย ๆ อย่าง ถามตัวเองว่าการมีบ้านเก่าแก่เป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆ ไหม หรือโดยทั่วไปการมีบ้านที่สะอาดเป็นสิ่งที่รับได้สำหรับคุณหรือเปล่า ประเมินว่าสิ่งที่กำลังรบกวนคุณอยู่ในตอนนี้จะยังเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณอีกหรือเปล่าในปีหนึ่งหรือในอีกห้าปีข้างหน้า
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

หาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยทั่วไปแล้วการปวดท้องถ่ายอุจจาระหลายครั้งต่อวันถือว่าเกินปกติ โดยเฉพาะถ้าสิ่งนี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน [10] การถ่ายหนักที่เพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนจากความถี่, ปริมาณ, หรือลักษณะของอุจจาระที่เป็นปกติบ่งชี้ถึงอาการทางการแพทย์ที่สำคัญ
  2. เข้ารับการรักษาหากการถ่ายอุจจาระของคุณพ่วงมาด้วยอาการปวดช่องท้อง มีมูก หนอง หรือเลือดออกมาด้วย. เตรียมตัวที่จะให้ข้อมูลเรื่องวิสัยการถ่ายหนักของคุณกับผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพ และความต่อเนื่อง ความถี่ และลักษณะอุจจาระของคุณ.
  3. ทำความเข้าใจโรคที่สามารถก่อให้เกิดการถ่ายอุจจาระที่เพิ่มขึ้น.
    • โรคแพ้กลูเตนจะเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันต่อกลูเตนที่เจอในผลิตภัณฑ์ธัญพืช ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์ คุณควรจะทานอาหารที่ไม่มีกลูเตน
    • โรคโครห์นเป็นการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร เป็นโรคที่สามารถส่งผลต่อส่วนใดๆ ก็ตามของทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปากจนถึงทวารหนัก
    • โรคไทรอยด์เป็นพิษสามารถก่อให้เกิดอาการท้องร่วงหรือเปลี่ยนความถี่ในการถ่ายอุจจาระ
    • โรคไทรอยด์เป็นพิษสามารถก่อให้เกิดอาการท้องผูก
    • อาการลำไส้แปรปรวนสามารถ่กอให้เกิดทั้งอาการท้องผูกและอาการถ่ายท้อง คุณอาจจะมีปัญหากับผิว ข้อต่อ ตา และกระดูกด้วย
    • โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรังเป็นการอักเสบของระบบทางเดินอาหารอีกชนิดหนึ่งซึ่งจะส่งผลเฉพาะกับลำไส้ใหญ่ เลือดมักจะเกี่ยวข้องกับโรคชนิดนี้
    • ยาหลายชนิดสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ในการปวดอุจจาระ
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,868 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา