ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการบวมน้ำเกิดจากของเหลวถูกกักอยู่ในเนื้อเยื่อในร่างกาย ทำให้มือ เข่า เปลือกตา และอวัยวะส่วนอื่นๆ บวมเป่ง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการใช้ยาบางชนิด การตั้งครรภ์ การสะสมของเกลือ ภูมิแพ้ หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และอาหารการกิน และการใช้ยาขับปัสสาวะมักได้ผลในการรักษาหรือบรรเทาอาการบวมน้ำ ลองอ่านบทความด้านล่างเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีลดอาการบวม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การนั่งนิ่งนานเกินไปมักทำให้อาการบวมน้ำแย่ยิ่งขึ้น เพราะของเหลวในเนื้อเยื่อร่างกายหยุดนิ่งไม่ไหวติง การออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนและปั๊มของเหลวกลับเข้าสู่หัวใจ ซึ่งช่วยให้อาการบวมลดลงได้ในที่สุด [1]
    • ออกไปเดินเล่นแค่ระยะสั้นๆ แต่เน้นหลายรอบเข้าไว้เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การเดินเพียง 15-30 นาที วันละหลายๆ ครั้งสามารถช่วยลดอาการบวมได้ หรือจะเดินเร็วก็ได้ถ้าร่างกายเอื้ออำนวย
    • ระหว่างพักจากการเดินในแต่ละรอบ ให้พยายามยกแขนยกขา (ไม่จำเป็นต้องใช้ดัมเบล) ในขณะที่นั่งหรือนอนลง
  2. วางส่วนที่มีอาการบวมพาดลงบนเก้าอี้เล็กๆ หรือหมอน โดยให้อวัยวะนั้นยกขึ้นเหนือระดับหัวใจของคุณเล็กน้อย [2] ประมาณ 30 นาที 3-4 ครั้งต่อวัน
    • หากมีอาการบวมน้ำรุนแรง คุณอาจต้องยกลำตัวหรืออวัยวะบางส่วนให้สูงขึ้นในขณะหลับ (การวางก้อนอิฐหรือท่อนไม้ไว้ “ใต้ขาเตียง” อาจช่วยได้)
  3. นวดเบาๆ ตามทิศทางการไหลเวียนตามธรรมชาติของของเหลวเข้าหาหัวใจ แต่ในกรณีที่มีอาการบวมน้ำรุนแรง ควรให้หมอนวดผู้เชี่ยวชาญช่วยนวดให้ด้วยวิธีการที่เรียกว่า “การนวดระบายน้ำเหลือง”
  4. การทานเกลือในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและทำให้อาการบวมน้ำแย่ยิ่งขึ้น ลองปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับปริมาณโซเดียมที่คุณควรได้รับในแต่ละวัน [3]
    • การทำอาหารทานเองที่บ้านบ่อยๆ แทนที่จะออกไปทานข้างนอกเป็นอีกหนึ่งวิธีการดีๆ ในการตรวจเช็คปริมาณเกลือที่ร่างกายได้รับ
    • อาหารส่วนใหญ่ยังคงรสชาติแซ่บเว่อร์ได้แม้คุณจะลดปริมาณเกลือลงถึงครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้น ลองทดลองกับการทำขนมและอาหารของคุณเองเพื่อเสาะหาสูตรที่ยังคงความอร่อยเหาะได้ด้วยปริมาณเกลือที่น้อยกว่า
  5. มื้ออาหารที่เต็มไปด้วยผัก ผลไม้ และอาหารเพื่อสุขภาพอื่นๆ สามารถช่วยลดอาการอักเสบได้ อาหารจำพวกปลา อาหารทะเล ผัก ผลไม้ ถั่วเปลือกแข็ง ดอกทานตะวัน ถั่วเม็ด ถั่วฝัก มันฝรั่ง อัลมอนด์ และโฮลเกรนล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และอย่าลืมใช้น้ำมันหรืออาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันไม่อิ่มตัว
    • การรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีและธาตุเหล็กสูงสามารถช่วยลดอาการบวมน้ำได้ คุณจึงควรทานผักใบเขียว โฮลเกรน และผักทะเลให้มากๆ [4]
    • ทานอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ เช่น ฟักทอง หน่อไม้ฝรั่ง และบีทรูท [5]
  6. งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เผยให้เห็นว่าสมุนไพรหรือสารสกัดจากสมุนไพรที่มีสารฟลาโวนอยด์อาจช่วยลดอาการบวมได้ ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่สามารถนำมาลองใช้กันได้มีดังนี้
    • สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ ควรใช้ด้วยความระมัดระวังหากกำลังใช้ยาที่ทำให้เลือดเจือจาง [6]
    • ใบแดนดิไลออน
    • สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
    • สมุนไพรที่มีคุณสมบัติ “ขับปัสสาวะ” ต่อไปนี้สามารถนำมาทำเป็นชาโดยการเติมสมุนไพรที่คุณเลือกลงไปในถ้วยน้ำเดือดในปริมาณ 1 ช้อนชา [7]
      • หญ้าหางม้า
      • พาร์สลีย์
      • ดอกยาร์โรว์
      • ใบตำแย
      • วอเตอร์เครส
      • ใบของต้นเบิร์ช
  7. ผิวบนอวัยวะที่มีอาการบวมน้ำรุนแรงควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะจะบอบบางมากเป็นพิเศษ การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม หมั่นทาครีมบำรุงเป็นประจำทุกวัน และล้างบาดแผลที่เกิดบนผิวอย่างถูกวิธีจึงถือเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามร้ายแรงขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

การรักษาทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผ้ารัดเหล่านี้จะช่วยรัดแขนขาเพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวสะสมอยู่มากจนเกินไป ผ้ารัดลำตัวเหล่านี้อาจหาซื้อได้จากร้านจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือร้านขายยาส่วนใหญ่ หรืออาจปรึกษาคุณหมอเพื่อซื้อของที่สามารถใช้ประกันได้
  2. คุณอาจลองใส่ปลอกปั๊มลมบริเวณแขนหรือขาที่บวมเพื่อช่วยลดอาการบวมอีกทางหนึ่ง ปลอกประเภทนี้จะใส่เข้าได้ง่ายกว่าผ้ารัด อีกทั้งยังสามารถควบคุมแรงบีบรัดที่ต้องการใส่เข้าไปได้มากกว่า ลองปรึกษาคุณหมอว่าคุณควรใช้ปั๊มหรือไม่
    • การรักษาด้วยปั๊มรัดสลับปล่อยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี โดยเราจะใช้ปั๊มไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับปลอกปั๊มลมเพื่อบีบรัดแขนขาที่บวมสลับกับการปล่อยไปเรื่อยๆ ซ้ำๆ เพื่อช่วยให้ของเหลวเกิดการไหลเวียน
  3. หากอาการบวมน้ำของคุณไม่ยอมหายไปหลังจากลองปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตแล้ว แพทย์อาจสั่งจ่ายยาขับปัสสาวะเพื่อช่วยขับน้ำออกจากร่างกาย ฟูโรซีไมด์คือตัวยาที่แพทย์ทั่วไปมักจ่ายเพื่อรักษาอาการบวมน้ำ [8]
  4. อาการบวมน้ำอาจเกิดจากการตั้งครรภ์หรือการใช้ยาบางชนิด แต่โรคและอาการเจ็บป่วยที่ซุกซ่อนอยู่หลายชนิดก็อาจเป็นสาเหตุของอาการบวมน้ำได้เช่นเดียวกัน หากคุณมีอาการบวมน้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ การเข้ารับการรักษาในทันทีเพื่อค้นหาที่มาของปัญหาถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โรคและอาการเจ็บป่วยร้ายแรงต่อไปนี้อาจเป็นสาเหตุของอาการบวมน้ำ
    • การติดเชื้อหรืออาการบาดเจ็บในเส้นเลือด
    • โรคเกี่ยวกับไต หัวใจ หรือตับ
    • อาการบาดเจ็บทางสมอง
    • ภูมิแพ้
    โฆษณา

คำเตือน

  • ในกรณีที่มีอาการบวมน้ำรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจเลือกวิธีที่จะนำมาใช้กับตัวคุณเอง
  • วิธีการที่อธิบายข้างต้นสามารถทำได้เองที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ควรใช้วิธีการที่ต้องอาศัยเทคนิคซับซ้อนหลังจากปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น
  • ภาวะบวมน้ำคืออาการที่่อาจเป็นได้ทั้งโรคร้ายแรงหรือที่ไม่ร้ายแรง และอาจเกิดจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน สำหรับอาการบวมน้ำที่ไม่ทราบสาเหตุ ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,509 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา