ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การละลายเนื้อปลาแช่แข็งอย่างเหมาะสมจะช่วยคงรสชาติและเนื้อสัมผัสตามธรรมชาติของเนื้อปลาให้ดีดังเดิมรวมถึงป้องกันการเกิดการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียในเนื้อปลา เพื่อให้คุณละลายเนื้อปลาแช่แข็งได้อย่างปลอดภัย วิธีที่ง่ายที่สุดคือการแช่เนื้อปลาในช่องแช่เย็นปกติของตู้เย็นล่วงหน้าหนึ่งคืนก่อนนำเนื้อปลาไปปรุงอาหาร แต่หากคุณต้องการนำเนื้อปลาไปทำอาหารโดยทันที คุณก็สามารถละลายเนื้อปลาแช่แข็งได้โดยการนำไปแช่ในน้ำเย็นไว้สักพัก และในกรณีที่คุณไม่มีเวลามากพอในการละลายเนื้อปลาแช่แข็ง คุณอาจนำเนื้อปลาแช่แข็งไปทำอาหารเลยทันทีโดยไม่ต้องผ่านการละลายน้ำแข็งก่อน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ละลายเนื้อปลาในตู้เย็น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกซื้อเนื้อปลาแช่แข็งในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท. ควรแน่ใจว่าเนื้อปลาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก่อนนำไปละลายน้ำแข็งและรับประทาน โดยเนื้อปลาแช่แข็งที่ดีควรบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกที่ไม่ฉีกขาด ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่คุณซื้ออาหารทะเลแช่แข็ง ควรตรวจสอบอย่างละเอียดทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารทะเลที่เลือกซื้อสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย [1]
    • เลือกซื้ออาหารทะเลที่แช่แข็งจนแห้งสนิทและไม่ละลายไปแล้วบางส่วน อาหารทะเลแช่แข็งที่ดีควรถูกจัดเก็บในตู้แช่แข็งที่ตั้งอุณหภูมิไว้อย่างเหมาะสม [2]
    • อย่าเลือกซื้อเนื้อปลาแช่แข็งที่มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะตัวที่ผิวของเนื้อปลา การมีเกล็ดน้ำแข็งปกคลุมแสดงว่าเนื้อปลานั่นถูกแช่แข็งทิ้งไว้เป็นเวลานานและอาจไม่ปลอดภัยสำหรับทานอีกต่อไป
  2. แช่เนื้อปลาในตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อค่อยๆ ละลายน้ำแข็ง. ในคืนก่อนที่คุณจะใช้เนื้อปลาในการประกอบอาหาร ให้คุณนำเนื้อปลาแช่แข็งแช่ในช่องแช่เย็นปกติของตู้เย็นเพื่อค่อยๆ ละลายน้ำแข็ง วิธีนี้จะช่วยให้เนื้อปลามีอุณหภูมิที่เย็นคงที่แต่ยังสามารถละลายน้ำแข็งจนหมดได้ในเวลาเดียวกัน
    • การละลายเนื้อปลาแช่แข็งในตู้เย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยคงรสชาติและเนื้อสัมผัสของเนื้อปลาให้ดีดังเดิม
    • การละลายเนื้อปลาแช่แข็งด้วยวิธีนี้จำเป็นต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ดังนั้นหากไม่มีเวลามากพอ คุณควรเลือกละลายน้ำแข็งด้วยวิธีอื่นแทน อย่างไรก็ตาม อย่าใช้วิธีการวางเนื้อปลาทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์เพื่อปล่อยให้น้ำแข็งละลาย เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้ผิวนอกของเนื้อปลาเริ่มเน่าเสียก่อนที่ด้านในจะละลายดี [3]
    • เมื่อต้องการละลายเนื้อปลาแช่แข็งที่บรรจุในถุงสุญญากาศด้วยวิธีนี้ อย่าลืมฉีกหรือเปิดถุงออกให้เรียบร้อยก่อนนำเนื้อปลาแช่ในตู้เย็น ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ [4]
  3. เช็คดูเนื้อปลาที่ละลายแล้วว่าใช้ได้หรือไม่. เนื้อปลาที่ละลายเรียบร้อยดีแล้วควรมีเนื้อสัมผัสและกลิ่นที่เหมือนกับเนื้อปลาสด แม้ว่าความสดหรือสีสันที่สดใสของเนื้อปลาแช่แข็งอาจจะไม่เท่ากับแบบสด แต่เนื้อปลาควรปราศจากจุดดำๆ หรือไม่มีสีสันที่ผิดเพี้ยน รวมถึงหากคุณได้กลิ่นคาวแรงหรือเหม็นเน่าจากเนื้อปลา แสดงว่าเนื้อปลาอาจไม่เหมาะสำหรับทานอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เนื้อปลาที่ละลายแล้วอาจมีกลิ่นคาวเล็กน้อยแต่ต้องไม่แรงมากเกินไปจนผิดปกติ
  4. เนื้อปลาที่ละลายเรียบร้อยดีแล้วสามารถนำไปใช้ทำอาหารแทนเนื้อปลาสดได้ทุกเมนู พยายามปรุงเนื้อปลาด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม และเมื่อปรุงสุกแล้ว เนื้อปลาจะต้องมีสีขาวขุ่นและมีเนื้อสัมผัสที่แน่นและไม่เปื่อยยุ่ย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ละลายเนื้อปลาอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำเนื้อปลาแช่แข็งใส่ในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าไปสัมผัสกับเนื้อปลา โดยอุณหภูมิที่เย็นของน้ำสามารถละลายเนื้อปลาได้ผ่านทางถุงพลาสติก [5]
  2. หากเนื้อปลาลอยขึ้น ให้ใช้จานหรืออุปกรณ์ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักวางทับไว้ที่ด้านบนเพื่อให้เนื้อปลาจมอยู่ในน้ำทั้งชิ้น การแช่เนื้อปลาในน้ำเย็นสามารถช่วยละลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อปลาละลายเรียบร้อยทั่วทั้งชิ้นก่อนนำไปทำอาหาร [6]
    • คุณยังสามารถใช้วิธีเปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านเนื้อปลาเพื่อละลายน้ำแข็งได้เช่นเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดน้ำแรงเกินไปแต่พยายามให้น้ำไหลอย่างคงที่ วิธีนี้จะช่วยละลายเนื้อปลาแช่แข็งได้รวดเร็วกว่าการนำเนื้อปลาแช่ในน้ำเย็น อย่างไรก็ตาม การละลายน้ำแข็งด้วยวิธีนี้เหมาะสมกับเนื้อปลาที่มีขนาดชิ้นบางเท่านั้น ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องเปิดน้ำให้ไหลผ่านเนื้อปลาอย่างสิ้นเปลืองนานเป็นชั่วโมง
    • เช็คดูว่าเนื้อปลาละลายเรียบร้อยดีหรือไม่ด้วยการใช้นิ้วกดลงไปบนชิ้นเนื้อ. หากตรงกลางชิ้นเนื้อยังคงแข็งอยู่ ทิ้งไว้อีกสักพักให้เนื้อปลาละลายต่อไป
    • ห้ามละลายเนื้อปลาด้วยน้ำร้อน. การละลายเนื้อปลาแช่แข็งด้วยน้ำร้อนจะทำให้แต่ละบริเวณละลายไม่เท่ากันและเร็วเกินไปจนอาจทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสของเนื้อปลาเปลี่ยนไป รวมถึงส่งผลให้ผิวนอกของเนื้อปลาไวต่อการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียมากขึ้นก่อนที่ด้านในของเนื้อปลาจะละลายเรียบร้อยดี
  3. อีกหนึ่งวิธีในการละลายเนื้อปลาแช่แข็งคือการใช้โหมด "ละลายน้ำแข็ง" ของไมโครเวฟ นำเนื้อปลาวางในภาชนะสำหรับไมโครเวฟและตั้งโหมดละลายน้ำแข็งนานประมาณ 4-5 นาที หมั่นเช็คเนื้อปลาอยู่เรื่อยๆ และหยุดเครื่องเมื่อเนื้อปลาเริ่มอ่อนตัวลงแต่ยังคงแข็งอยู่บ้าง
    • ละลายเนื้อปลาแช่แข็งด้วยวิธีนี้เฉพาะเมื่อคุณต้องการนำเนื้อปลาไปปรุงอาหารทันทีหลังละลายน้ำแข็งเสร็จเท่านั้น
    • ระมัดระวังอย่าอุ่นเนื้อปลาแช่แข็งในไมโครเวฟนานเกินไป แต่ควรนำเนื้อปลาออกจากไมโครเวฟในขณะที่ยังคงเย็นอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้รสชาติและเนื้อสัมผัสเริ่มผิดเพี้ยนไปจากเดิม
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

นำเนื้อปลาไปทำอาหารโดยไม่ละลายก่อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างเนื้อปลาแช่แข็งให้สะอาดเพื่อกำจัดเกล็ดน้ำแข็งและคราบอื่นๆ ที่ก่อตัวขึ้นในระหว่างการแช่แข็ง เปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านเนื้อปลาและซับให้แห้งด้วยกระดาษอเนกประสงค์ก่อนนำเนื้อปลาไปทำอาหาร
  2. หากไม่มีเวลามากพอหรือไม่ต้องการละลายเนื้อปลาแช่แข็ง คุณสามารถข้ามขั้นตอนการละลายน้ำแข็งและนำเนื้อปลาไปทำอาหารได้เลยทันทีในขณะที่ยังคงเป็นน้ำแข็งอยู่ [7] มีวิธีการปรุงอาหารมากมายหลายวิธีที่จะช่วยเปลี่ยนเนื้อปลาแช่แข็งให้เป็นมื้อเย็นแสนอร่อยโดยไม่จำเป็นต้องผ่านการละลายน้ำแข็งก่อน โดยคุณสามารถลองปรุงเนื้อปลาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
    • นึ่ง : วางเนื้อปลาในน้ำซุปที่เติมสูงขึ้นมา 1-2 นิ้วและเปิดไฟอ่อนเพื่อค่อยๆ นึ่งจนสุก วิธีการปรุงอาหารที่แสนอร่อยและดีต่อสุขภาพอย่างการนึ่งนี้จะทำให้เนื้อปลามีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่มไม่ว่าจะเลือกใช้เนื้อปลาแบบสดหรือแบบแช่แข็งก็ตาม
    • อบ: ทาน้ำมันมะกอกให้ทั่วชิ้นเนื้อปลาและนำไปวางไว้บนถาดย่าง นำเข้าเตาอบและอบจนกระทั่งเนื้อปลาเป็นสีขาวขุ่นและไม่เปื่อยยุ่ย
    • ห่อกระดาษฟอยล์และย่างบนเตา: หากต้องการปรุงเนื้อปลาให้สุกด้วยวิธีการย่าง เริ่มจากทาน้ำมันให้ทั่วชิ้นเนื้อปลาและโรยด้วยเครื่องปรุงรส จากนั้นห่อด้วยกระดาษฟอยล์และกดขอบปิดให้แน่น นำเนื้อปลาที่ห่อกระดาษฟอยล์แล้วลงย่างบนเตา เนื้อปลาจะถูกนึ่งจนสุกด้วยความชื้นภายในห่อกระดาษฟอยล์ซึ่งทำให้มีรสชาติอร่อยเป็นพิเศษเมื่อสุกได้ที่แล้ว
    • ต้มในซุปหรือสตู: หากคุณมีกุ้ง หอยแมลงภู่ หรือหอยกาบแช่แข็ง คุณสามารถใส่ลงไปต้มในซุปหรือสตูที่กำลังเคี่ยวจนร้อน อาหารทะเลจะถูกต้มในน้ำซุปที่ผ่านการปรุงรสจนกลมกล่อมและสุกพร้อมรับประทานในเวลาเพียงไม่กี่นาที
  3. รู้ว่าเมนูใดที่ควรละลายเนื้อปลาแช่แข็งก่อน. บางเมนูอาจจำเป็นต้องละลายเนื้อปลาแช่แข็งให้เรียบร้อยก่อนเพื่อให้เนื้อปลาสุกอย่างทั่วถึงและมีเนื้อสัมผัสที่ไม่ผิดเพี้ยนไป ยกตัวอย่างเช่น การย่างเนื้อปลาแช่แข็งอาจทำให้ด้านนอกของเนื้อปลาไหม้เกรียมแต่ด้านในกลับยังคงเย็นอยู่ หรือการทอดเนื้อปลาแช่แข็งก็อาจทำให้เนื้อปลาไม่สุกดี ดังนั้น ลองเช็คให้เรียบร้อยว่าในขั้นตอนการทำเมนูที่คุณต้องการได้ระบุไว้หรือไม่ว่าจำเป็นต้องละลายเนื้อปลาแช่แข็งก่อนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด [8]
    • หากไม่แน่ใจว่าคุณสามารถใช้เนื้อปลาแช่แข็งในการทำเมนูที่ต้องการได้หรือไม่ อาจดีกว่าหากคุณละลายเนื้อปลาให้เรียบร้อยเสียก่อน
    • อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในขั้นตอนการทำจะมีระบุไว้อย่างชัดเจนว่าต้องละลายเนื้อปลาแช่แข็งให้เรียบร้อยก่อน แต่คุณอาจลองเสี่ยงใช้เนื้อปลาที่ยังไม่ละลายในการทำอาหารก็ได้เช่นกัน เพียงเพิ่มเวลาในการปรุงอาหารจากที่ระบุไว้เล็กน้อยและเช็คให้แน่ใจว่าเนื้อปลาสุกทั่วทั้งชิ้นก่อนจัดเสิร์ฟ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ให้เวลาสักพักและอย่าเร่งกระบวนการละลายน้ำแข็ง
  • เนื้อปลาที่ละลายแล้วควรมีกลิ่นที่สดและไม่แรงมากนักและไม่มีกลิ่นคาว เปรี้ยว หรือเหมือนแอมโมเนีย
  • เนื้อปลาควรมีเนื้อสัมผัสที่แน่น ผิวเป็นมันเงา และเหงือกเป็นสีแดงสดปราศจากเมือกสีขาวขุ่น
  • เลือกซื้อเนื้อปลาที่แช่เย็นในตู้หรือวางขายบนกองน้ำแข็งที่ไม่ละลายเป็นน้ำเท่านั้น (พยายามเลือกเนื้อปลาที่อยู่ในที่ปิดหรือมีฝาปิดไว้อย่างมิดชิด)
  • ทอดเนื้อปลาที่มีเนื้อนุ่มละเอียดในน้ำมันที่อุณหภูมิสูงสุด
  • เมื่อเนื้อปลาละลายเรียบร้อยดีแล้ว นำไปทำอาหารอย่างเหมาะสมและทำตามวิธีอย่างเคร่งครัด
  • ละลายเนื้อปลาแช่แข็งในบริเวณที่ปราศจากเชื้อและไม่ร้อนจนเกินไป
  • ไม่ควรนำเนื้อปลาที่ละลายแล้วกลับไปแช่แข็งซ้ำอีกครั้ง
  • อย่างอชิ้นเนื้อปลาในระหว่างละลายน้ำแข็งเพราะอาจทำให้เนื้อปลาหักออกได้
  • ห้ามนำเนื้อปลาแช่แข็งลงทอดในน้ำมันโดยเด็ดขาด
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามใช้น้ำร้อนในการละลายเนื้อปลาแช่แข็งเพราะอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้นจนอยู่ในระดับที่ไม่ปลอดภัยได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 17,407 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา