ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กลิตเตอร์กินได้ เหมาะจะใช้ตกแต่งคัพเค้ก โดนัท หรือคุกกี้ และขนมอบอื่นๆ ให้ดูน่ารักสดใส น่ากินยิ่งขึ้น จริงๆ แล้วกลิตเตอร์กินได้สำเร็จรูปเขาก็มีขายกัน แต่ถ้าผสมใช้เอง นอกจากปลอดภัยหายห่วงแล้ว ยังเป็นกิจกรรมสนุกๆ ที่น่าสนใจด้วย แต่ละวิธีการก็ผสมออกมาได้กลิตเตอร์ที่ต่างกันออกไป ทั้งขนาด ความแวววาว และสีสัน เพราะงั้นต้องลองผสมดูหลายๆ แบบ จนได้กลิตเตอร์กินได้ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณที่สุด

ส่วนประกอบ

  • น้ำตาลดิบ หรือน้ำตาลอ้อย 1/4 ถ้วยตวง (60 มล.)
  • สีผสมอาหารแบบน้ำ เจล หรือสีธรรมชาติ
  • Gum-Tex หรือผง tylose 1 ช้อนชา (5 มล.)
  • สีผง (luster dust) หรือสีผสมอาหารแบบฉีดพ่น (airbrush) 1/4 ช้อนชา (1 - 1.5 มล.)
  • น้ำเดือด 4 ช้อนโต๊ะ (60 มล.)
  • gum arabic 1/2 ช้อนชา (2.5 มล.)
  • น้ำร้อน 1/2 ช้อนชา (2.5 มล.)
  • สีผง (luster dust) หรือสีผสมอาหารแบบฉีดพ่น (airbrush) 1/2 ช้อนชา (2.5 มล.) ขึ้นไป
  • เจลาตินผง ไม่แต่งรส 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.)
  • น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ (45 มล.)
  • สีผง (luster dust) หรือสีผสมอาหารแบบฉีดพ่น (airbrush) 1/4 ช้อนชา (1 - 1.5 มล.) ขึ้นไป
  • สีผสมอาหารแบบน้ำ (ถ้ามี)
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

กลิตเตอร์กินได้จากน้ำตาลดิบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อุ่นเตาอบไว้ 180 องศาเซลเซียส (350 องศาฟาเรนไฮต์) และปูกระดาษรองอบในถาด. หรือใช้แผ่นรองอบซิลิโคนแทนก็ได้ แต่อย่าใช้แรปพลาสติก เพราะเอาเข้าเตาอบไม่ได้ [1]
  2. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ) . เลือกน้ำตาลที่เกล็ดใหญ่หน่อย โดยเฉพาะที่เขียนว่า “raw” (น้ำตาลดิบ) หรือ “cane” (น้ำตาลอ้อย) ถ้าเป็นน้ำตาลทราย จะได้กลิตเตอร์ออกมาไม่ค่อยวิบวับ [2]
    • ถ้าอยากแต่งสีมากกว่าความวิบวับ ใช้น้ำตาลทรายแทนก็ได้
  3. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    จะใช้สีผสมอาหารแบบน้ำ หรือ gel paste ก็ได้ อีกทีคือทำสีผสมอาหารใช้เองจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ผัก น้ำผลไม้ และเครื่องเทศ ให้ผสมไปเรื่อยๆ จนสีเนียนเข้ากันกับน้ำตาล [3]
    • ถ้าอยากได้สีอื่น ลองเอาสีผสมอาหารที่มีมาผสมกัน. อย่างกลิตเตอร์สีเขียว ให้ใช้สีน้ำเงิน 1 หยด กับสีเหลือง 2 หยด
  4. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    เกลี่ยน้ำตาลให้กระจายทั่วถาดอบที่ปูกระดาษรองไว้แล้ว. จะใช้สปาทูล่าปาดครีมเค้ก หรือช้อนก็ได้ เกลี่ยให้น้ำตาลแผ่ทั่วถึง ยิ่งปาดน้ำตาลเป็นชั้นบางเท่าไหร่ ก็ยิ่งอบเสร็จเร็ว
  5. พอน้ำตาลแห้งแล้ว ให้เอาถาดออกจากเตาทันที ถ้าอบน้ำตาลนานเกินไป ระวังน้ำตาลละลายเลอะเทอะ เหนียวไปหมด! [4]
  6. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ทิ้งกลิตเตอร์ไว้ให้เย็น แล้วใช้นิ้วบี้ให้แตก. พอทิ้งน้ำตาลไว้ให้เย็นตัวลงประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว ก็พร้อมจะทำขั้นตอนต่อไป ถ้าน้ำตาลเหนียวจับกันเป็นก้อน ให้ใช้มือบี้หรือบิออกจากกัน [5]
  7. เก็บกลิตเตอร์ไว้ในภาชนะสูญญากาศได้ไม่เกิน 6 เดือน. พอเวลาผ่านไป กลิตเตอร์กินได้นี้ก็จะสีซีดลง ไม่วิบวับอย่างเคย จุดสำคัญคืออย่าวางทิ้งไว้ให้โดนแดดตรงๆ [6]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ผงชิมเมอร์ละเอียดจาก Gum-Tex หรือผง Tylose

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อุ่นเตาอบไว้ 135 องศาเซลเซียส (275 องศาฟาเรนไฮต์) และปูกระดาษรองอบในถาด. หรือใช้แผ่นรองอบซิลิโคนแทนก็ได้ แต่อย่าใช้แรปพลาสติก เพราะเอาเข้าเตาอบไม่ได้ [7]
  2. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ) . Gum-Tex และผง tylose จะเป็นผงละเอียดสีขาว ใช้เพิ่มความเหนียวให้น้ำตาลปั้น (fondants) หรือ gum paste หาซื้อได้ตามร้านขายวัตถุดิบและอุปกรณ์เบเกอรี่นำเข้า ร้านอุปกรณ์งานฝีมือ และตามเน็ต [8]
  3. เริ่มจากใช้สีผงประมาณ 1/4 ช้อนชา (1 - 1.5 มล.) ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มเติมจนได้สีเข้มตามต้องการ [9]
    • หรือจะใช้สีผสมอาหารแบบฉีดพ่น (airbrush) แทนสีผงก็ได้เหมือนกัน ถ้ามี [10]
  4. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ) ในชามส่วนผสม แล้วคนให้เข้ากัน . ตอนแรกส่วนผสมจะจับตัวกันเป็นก้อนเขละๆ ให้พยายามคนๆ บี้ๆ จนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน สุดท้ายตัว gum-tex หรือผง tylose จะทำให้น้ำข้นขึ้นจนเป็น paste เหนียวข้น [11]
    • อาจจะค่อยผสมน้ำเข้าไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) จะลดปัญหาส่วนผสมจับตัวกันเป็นก้อนได้
  5. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ปาดส่วนผสมแผ่ไปบนถาดอบที่ปูกระดาษรองไว้แล้ว. ยิ่งปาดส่วนผสม gum นี้เป็นแผ่นบางเท่าไหร่ ก็ยิ่งอบเสร็จเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ต้องพยายามเกลี่ยให้ความหนาบางเท่ากันทั้งแผ่น จะได้สุกทั่วถึงกัน ถ้าใช้แปรงทาขนมอบได้ยิ่งดี
  6. จะใช้เวลาแค่ไหนก็แล้วแต่ความหนาของกลิตเตอร์ที่คุณเกลี่ยไว้ แต่ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 นาที พออบเสร็จ ส่วนผสมจะแข็งตัว ลอกออกจากถาดได้เลย [12]
  7. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ทิ้งกลิตเตอร์ไว้ให้เย็นตัว แล้วหักออกเป็นชิ้นเล็กๆ. พอกลิตเตอร์เย็นตัวได้ที่ ให้เอามือบิหรือใช้กรรไกรตัด ให้กลิตเตอร์แผ่นใหญ่แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ พอที่จะเอาไปใส่เครื่องบดเมล็ดกาแฟหรือเครื่องผสมอาหารต่อได้ [13]
  8. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    เอากลิตเตอร์ไปบดต่อในเครื่องบดเมล็ดกาแฟหรือเครื่องผสมอาหาร. เอากลิตเตอร์ที่หักเป็นชิ้นๆ แล้ว ใส่ในโถของเครื่องผสมอาหารหรือเครื่องบดเมล็ดกาแฟ จากนั้นปิดฝา แล้วบดต่อจนกลิตเตอร์เป็นผงละเอียด [14]
    • หรือจะใช้หัวบดเครื่องเทศ แบบที่เอามาต่อกับเครื่องบดเมล็ดกาแฟก็ได้ ถ้ามี
  9. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    เทกลิตเตอร์ใส่กระชอน แล้วร่อนแยกเอากลิตเตอร์ชิ้นหยาบออก. เพื่อเอาชิ้นหยาบๆ พวกนี้ไปบดต่ออีกรอบ จนได้ผงกลิตเตอร์ละเอียดยิ่งขึ้น แต่ถ้าอยากได้กลิตเตอร์ละเอียดปนหยาบผสมกันไป จะไม่ทำขั้นตอนนี้ก็ได้ [15]
  10. เก็บกลิตเตอร์กินได้นี้ ในขวดโหลหรือภาชนะสูญญากาศ. กลิตเตอร์นี้จะอยู่ได้หลายเดือน แต่พอเวลาผ่านไปก็อาจจะไม่วิบวับเท่าเดิม จุดสำคัญคือต้องเก็บให้ห่างน้ำและแสงแดด จะเก็บได้นานยิ่งขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

กลิตเตอร์สีเข้มวาวจาก Gum Arabic

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อุ่นเตาอบไว้ 140 องศาเซลเซียส (280 องศาฟาเรนไฮต์) และปูกระดาษรองอบไว้ในถาด. จะใช้กระดาษรองอบหรือใช้แผ่นรองอบซิลิโคนแทนก็ได้ แต่อย่าใช้แรปพลาสติก เพราะเอาเข้าเตาอบไม่ได้
  2. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ) . gum arabic เป็นสารที่ใส่แล้วช่วยให้ครีมแต่งหน้าเค้กกับไส้ขนมอบข้นขึ้น มีสรรพคุณเหมือนกาวหรือตัวเชื่อมประสาน หาซื้อได้ตามร้านขายวัตถุดิบและอุปกรณ์ทำขนม โดยเฉพาะที่นำเข้า ไปจนถึงร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือ และในเน็ต [16]
  3. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ผสมน้ำร้อนลงไป พร้อมสีผสมอาหารแบบฉีดพ่น 2 - 3 หยด. ให้เริ่มจากน้ำร้อน 1/2 ช้อนชา (2.5 มล.) แล้วค่อยหยดเพิ่มทีละหยดตามต้องการ ตัว gum arabic จะผสมกับสีได้ง่าย เพราะงั้นให้ค่อยๆ ผสมสีเข้าไปทีละน้อย ซีดไปเติมง่าย แต่สีจัดไปแก้ยาก เสร็จแล้วใช้ตะกร้อมือตีจนน้ำและสีผสมกันเนียนเป็นเนื้อเดียว [17]
    • ถ้าไม่มีสีผสมอาหารสำหรับฉีดพ่น จะใช้สีผง luster dust แทนก็ได้ โดยเริ่มทีละ 1/2 ช้อนชา (2.5 มล.) แล้วใส่เพิ่มทีละน้อยตามต้องการ [18]
  4. ปาดส่วนผสมบนถาดที่มีกระดาษรองอบ โดยใช้แปรงเล็กๆ. ปาดแล้วส่วนผสมจะไม่เป็นแผ่นสวยงาม แต่ก็พยายามเกลี่ยไปให้ความหนาบางเท่ากันทั้งถาด จะได้โดนความร้อนทั่วถึงกัน
  5. พออบเสร็จ กลิตเตอร์จะแห้ง และลอกออกจากถาดอบได้เลย [19]
  6. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ทิ้งไว้จนกลิตเตอร์เย็นตัว จากนั้นหักเป็นชิ้นๆ. พอกลิตเตอร์เย็นตัวได้ที่แล้ว ให้ใช้ช้อนไม้หรือมือเปล่า บิให้กลิตเตอร์แตกเป็นชิ้นเล็กๆ แต่ถ้าอยากได้ผงกลิตเตอร์ละเอียด จะเอาใส่กระชอนหรือที่กรองชาแล้วร่อนเอาแต่ผงก็ได้ [20]
  7. เก็บกลิตเตอร์กินได้นี้ ในขวดโหลหรือภาชนะสูญญากาศ. กลิตเตอร์นี้จะอยู่ได้หลายเดือน แต่พอเวลาผ่านไปก็อาจจะไม่วิบวับเท่าเดิม จุดสำคัญคือต้องเก็บให้ห่างน้ำและแสงแดด จะเก็บได้นานยิ่งขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

กลิตเตอร์แวววาวเป็นพิเศษจากเจลาติน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ตวงเจลาตินผงแบบไม่แต่งรส ใส่ถ้วย 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล. ) . อย่าใช้เจลาตินผงที่แต่งรส เพราะจะเป็นแบบมีสี แบบใสจะเอาไปผสมกับสีผสมอาหาร ให้สีและความวาวของกลิตเตอร์ออกมาได้ตามต้องการ
  2. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ) . ใช้ช้อนหรือสปาทูล่าเล็กๆ คนผสมจนข้นขึ้น ปกติจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที ถ้ามีฟองสีขาวๆ ผุดขึ้นมา ก็ใช้ช้อนตักทิ้งได้เลย [21]
  3. เริ่มผสมทีละน้อย (ประมาณ 1/4 ช้อนชา (1 - 1.5 มล.) แล้วค่อยเติมจนได้สีตามต้องการ ถ้าอยากได้กลิตเตอร์ที่แวววาวเป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้สีผสมอาหารแบบฉีดพ่น ที่เป็นสีประกายมุก
    • ถ้าอยากได้สีสดยิ่งขึ้น ให้เติมสีผสมอาหารแบบ gel paste 2 - 3 หยด โดยเลือกที่สีใกล้เคียงกัน [22]
  4. เทเจลาตินที่ผสมแล้ว ใส่พลาสติกหรือแอซิเตตแผ่นใหญ่. เขียงพลาสติก หรือถาดอบที่ปูแรปพลาสติกไว้ก็ใช้ได้ พยายามเทเจลาตินไว้ตรงกลางพลาสติก จะได้ไม่หกหรือกระเด็นไปข้างๆ [23]
    • ถ้าปาดส่วนผสมไปบนพลาสติกได้ยาก แนะนำให้ใช้สปาทูล่าปาดครีมเค้ก จะสะดวกขึ้น [24]
  5. ถ้ารีบใช้ ก็เร่งปฏิกิริยาได้โดยเอาไปวางหน้าเครื่องดูดความชื้น หรือพัดลมที่เปิดเบอร์ต่ำๆ ไว้ พอเจลาตินแห้งสนิท ก็จะม้วนงอ ลอกจากแผ่นพลาสติกได้ง่าย [25]
  6. Watermark wikiHow to ทำกลิตเตอร์กินได้
    ใช้เครื่องบดเมล็ดกาแฟ หรือเครื่องผสมอาหาร ปั่นให้กลิตเตอร์ยิ่งละเอียด. อาจจะต้องใช้มือหักกลิตเตอร์เป็นชิ้นหยาบก่อน ถึงจะใส่ในโถของเครื่องผสมอาหารหรือเครื่องบดเมล็ดกาแฟได้ ใส่แล้วก็ปิดฝา แล้วบดไปจนได้ผงกลิตเตอร์ละเอียด [26]
    • จะใช้หัวบดเครื่องเทศ แบบที่เอามาต่อกับเครื่องบดเมล็ดกาแฟก็ได้ ถ้ามี
  7. ร่อนกลิตเตอร์ในกระชอน เพื่อแยกเอากลิตเตอร์ชิ้นหยาบออก. ให้เอากลิตเตอร์ชิ้นหยาบพวกนี้ไปบดต่ออีกรอบ จนได้ผงกลิตเตอร์ละเอียดยิ่งขึ้น แต่ถ้าอยากได้กลิตเตอร์ละเอียดปนหยาบผสมกันไป จะไม่ทำขั้นตอนนี้ก็ได้ [27]
  8. เก็บกลิตเตอร์กินได้นี้ ในขวดโหลหรือภาชนะสูญญากาศ. กลิตเตอร์นี้จะอยู่ได้หลายเดือน แต่พอเวลาผ่านไปก็อาจจะไม่วิบวับเท่าเดิม จุดสำคัญคือต้องเก็บให้ห่างน้ำและแสงแดด จะเก็บได้นานยิ่งขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • กลิตเตอร์กินได้ เหมาะสำหรับใช้ตกแต่งขนมอบต่างๆ แต่จะสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มก็ได้เช่นกัน ลองตกแต่งปากแก้วค็อกเทลด้วยกลิตเตอร์กินได้นี้ดู ก็วิบวับน่าดื่มไปอีกแบบ
  • จริงๆ จะทำกลิตเตอร์กินได้นี้จาก "เกลือ" ก็ได้เหมือนกัน แต่ข้อเสียคือคงไม่มีใครชอบอาหารรสเค็มจัดเกินไป ถึงจะมองดูแล้ววิบวับเป็นประกายดีก็เถอะ! [28]
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

กลิตเตอร์กินได้จากน้ำตาลดิบ

  • ถาดอบขนม
  • กระดาษรองอบ หรือแผ่นรองอบซิลิโคน
  • ถ้วย หรือชามใบเล็ก
  • สปาทูล่าปาดครีมเค้ก หรือช้อน
  • ภาชนะสูญญากาศ (ถ้ามี)

ผงชิมเมอร์ละเอียดจาก Gum-Tex หรือผง Tylose

  • ถาดอบขนม
  • กระดาษรองอบ หรือแผ่นรองอบซิลิโคน
  • ถ้วย หรือชามใบเล็ก
  • ส้อม หรือตะกร้อมือ
  • แปรงทาขนมหรืออาหาร (ถ้ามี)
  • เครื่องบดเมล็ดกาแฟ หรือเครื่องผสมอาหาร
  • กระชอน
  • ภาชนะสูญญากาศ (ถ้ามี)

กลิตเตอร์สีเข้มวาวจาก Gum Arabic

  • ถาดอบขนม
  • กระดาษรองอบ หรือแผ่นรองอบซิลิโคน
  • ถ้วย หรือชามใบเล็ก
  • ส้อม หรือตะกร้อมือ
  • แปรงทาขนม หรือพู่กันสะอาดขนาดเล็ก
  • กระชอน หรือที่กรองชา (ถ้ามี)
  • ภาชนะสูญญากาศ (ถ้ามี)

กลิตเตอร์แวววาวเป็นพิเศษจากเจลาติน

  • ถ้วย หรือชามใบเล็ก
  • ช้อน หรือสปาทูล่า
  • พลาสติกแผ่นใหญ่ เช่น เขียงพลาสติก หรือถาดอบขนมที่ปูด้วยแรปพลาสติก
  • สปาทูล่าปาดครีมเค้ก (ถ้ามี)
  • เครื่องบดเมล็ดกาแฟ หรือเครื่องผสมอาหาร
  • กระชอน
  • ภาชนะสูญญากาศ (ถ้ามี)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,320 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา