ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
เนื้อของหางลอบสเตอร์อาจดูเป็นเหมือนมื้ออาหารรสเลิศในงานเลี้ยงที่ไว้จัดรับแขกของคุณ แต่มันง่ายต่อการนำมาประกอบอาหารมากเลยนะ เชื่อหรือไม่ล่ะ เนื้อลอบสเตอร์นั้นเคยถูกดูถูก มองว่าเป็นอาหารบ้านๆ มาก่อน แต่ตอนนี้เนื้อลอบสเตอร์กลับเป็นหนึ่งในอาหารแสนโอชะจากท้องทะเลเลย เพียงตกแต่งด้วยก้านผักเล็กๆ พร้อมเครื่องเคียงที่ดูสวยงาม ทั้งแฟน คุณพ่อ รวมถึงแม่สะใภ้คุณก็จะประทับใจได้ไม่ยาก
- เวลาเตรียม: 10 ชั่วโมง 45 นาที (เวลาขณะทำการเตรียมจริง: 15 นาที)
- เวลาทำอาหาร: 12-20 นาที
- เวลาทั้งหมด: 11 ชั่วโมง
ขั้นตอน
-
เตรียมหางลอบสเตอร์ในการใช้ทำอาหาร. ถ้ามันถูกแช่แข็งอยู่ ก็ต้องละลายน้ำแข็งก่อนจะนำมาทำอาหาร (จะใช้ตอนมันแข็งอยู่เลยก็ได้ แต่เนื้อจะไม่นุ่มมากนะ) เมื่อละลายน้ำแข็งแล้ว ก็จะจับต้นหางและครีบปลายหางได้ง่ายขึ้น ในการละลาย ให้ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้- แช่หางไว้ในตู้เย็น 10 ชั่วโมงโดยประมาณ ถ้าคุณวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว การละลายน้ำแข็งด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดแล้ว
- แช่ไว้ในน้ำ เย็น ห้ามใช้น้ำร้อน ประมาณ 30 นาทีถึงชั่วโมง เปลี่ยนน้ำทุกๆ 15 นาที เพื่อไม่ได้น้ำเย็นขึ้น และลอบสเตอร์จะได้ละลาย
- วิธีนี้อยากให้เป็นตัวเลือกสุดท้าย คือละลายในไมโครเวฟที่ตั้งค่าให้ละลายน้ำแข็ง ระมัดระวังการใช้วิธีนี้ไว้ให้ดี เพราะมันไม่ควรเริ่มกระบวนการทำอาหารในไมโครเวฟ แค่เพียงละลายน้ำแข็งหนึ่งนาทีต่อครั้ง โดยใช้ไฟต่ำ หรอตั้งค่าละลายน้ำแข็ง
-
นำเนื้อออกจากเปลือก หรือผ่าเปลือกเพื่อให้ง่ายต่อการทำอาหาร. แน่นอนว่า ถ้าหากคุณไม่ต้องการนำเนื้อออกจากหาง ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย วิธีที่คุณจะทำลอบสเตอร์นั้นส่งผลต่อการเตรียมเนื้อ และแม้ว่าคุณจะนำเนื้อออกจากหางหรือไม่ก็ตาม
- การอบย่าง หรือ การอบ : นำเนื้อส่วนหางมาวางไว้บนเปลือกมัน ก็คือการที่ผ่าเอาเนื้อออกมาจากเปลือก ยกมันขึ้นมา จากนั้นก็วางกลับไปบนเปลือก นั่นจะทำให้อบได้ไวขึ้น และยังออกมาสวยอีกด้วย! ดูวิธีเพิ่มตามได้ข้างล่าง
- การย่าง : หั่นหางแบ่งครึ่ง หรือไม่ต้องหั่นก็ได้ การย่างจะต้องใช้ไฟสูง ซึ่งกรณีนี้ เปลือกนอกก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อสุกเกินไป ดูวิธีเพิ่มตามได้ข้างล่าง
- การต้ม : ส่วนใหญ่วิธีนี้จะไม่นำเนื้อออกจากเปลือกจนกว่าจะต้มสุกแล้ว จากนั้นค่อยผ่าส่วนบนของเปลือกเพื่อให้รับประทานง่ายขึ้น ถ้าชอบ ดูวิธีเพิ่มตามได้ข้างล่าง
- การผัด : นำเนื้อออกจากเปลือกทั้งหมด เพราะตั้งค่าไฟได้ จึงผัดแค่เนื้อเอาก็ได้ ดูวิธีเพิ่มตามได้ข้างล่าง
โฆษณา
-
ตั้งไฟเตาอบไว้ที่ 190°C.
-
เตรียมเนื้อด้วยการนำเนื้อส่วนหางมาวางบนเปลือก (Piggyback). ในขั้นตอนนี้ คุณไม่ควรฉีกเอาเนื้อส่วนหางออกมาทั้งหมด แต่ให้ทำแบบนี้แทน
- ใช้มีดหรือกรรไกรผ่าเปลือกตามแนวยาว เริ่มจากต้นถึงปลายหาง ระหว่างอย่าผ่าตามความยาวทั้งหมดนั่น ทิ้งครีบหาง (ส่วนที่อยู่ปลายสุดของลอบสเตอร์) เอาไว้ และเหลือเปลือกที่ติดกับปลายหางอีกประมาณนิ้วหนึ่ง
- ใช้มือแกะเนื้อหางออกจากเยื่อบุหนังในเปลือก เริ่มจากส่วนที่หนาที่สุด คือต้นหางไปจนปลายหาง แกะแยกเนื้อออกจากเปลือกให้หมด ยกเว้นระยะหนึ่งนิ้วหรือใกล้ๆ ครีบหางมัน
- ยกเนื้อเกือบทั้งหมดนั้นขึ้นจากเปลือก ปิดเปลือกเอาไว้ใต้เนื้อ และวางเนื้อไว้บนเปลือก เนื้อหางจะดูเหมือนกำลังขี่เปลือกของมันอยู่ด้านบนนั่นเอง
-
ปรุงรสหางหากจำเป็น. สามารถปรุงรสลอบสเตอร์ได้ โดยมีตัวอย่างเครื่องปรุงดังนี้:
- น้ำมันมะกอก ปาปริก้า เกลือ และพริกไทย
- น้ำเลมอน เกลือ พริกไทย และผักชีฝรั่ง
- เนย เกลือ และพริกไทย
-
อบลอบสเตอร์ตามน้ำหนักของหาง. อบประมาณ 1 ½ นาทีต่อน้ำหนักเนื้อทุกๆ 28 กรัม นั่นหมายถึง
- หางลอบสเตอร์หนัก 226 กรัม ควรอบด้วยไฟ 190°C ใช้เวลา 12 นาที
- หางลอบสเตอร์หนัก 283 กรัม ควรอบด้วยไฟ 190°C ใช้เวลา 15 นาที
- หางลอบสเตอร์หนัก 340 กรัม ควรอบด้วยไฟ 190°C ใช้เวลา 18 นาที
-
ก่อนที่หางจะสุกเล็กน้อย ให้อบใต้ส่วนที่ให้ความร้อนประมาณ 1 ถึง 2 นาที (ไม่จำเป็น). วางแผ่นเนยไว้บนหางแต่ละอัน หรือทาเนยละลายลงบนเนื้อ วางไว้ใต้ส่วนที่ให้ความร้อนอย่างน้อย 6 นิ้ว (15.2 ซม.) จากนั้นก็อบ โดยจับตามองหางลอบสเตอร์แต่ละชิ้นให้ดี
-
เสิร์ฟพร้อมกับเนยแยกออกมาและเลมอน.โฆษณา
-
ทำความสะอาดเตาย่าง เพื่อที่จะได้กำจัดอาหาร เศษต่างๆ หรือถ่านออกไปก่อนจะใช้งาน.
-
ตั้งไฟเอาไว้ระดับกลาง หรือจุดไฟใส่ถ่านถ้าหากใช้ถ่านย่าง.
- ถ้าจะใช้ถ่านย่าง หลังจากที่ถ่านติดไฟทั่วแล้ว ให้กระจายถ่านไปให้ทั่วในเตา เพื่อที่จะได้มีบริเวณที่ร้อนเยอะกว่าที่เย็น ถ้าร้อนอยู่จุดเดียวก็จะทำให้ย่างลอบสเตอร์ได้ยากขึ้น
-
ผ่าลอบสเตอร์ครึ่งหนึ่งตามแนวยาว หรือใช้ทั้งเปลือก. ถ้าตัดสินใจจะผ่าครึ่ง ก็ผ่าให้เนี้ยบ เพื่อที่จะได้มีหางลอบสเตอร์เล็กๆ เป็นครึ่งสองอันต่อหนึ่งหาง โดยไม่ต้องแกะเนื้อออกจากเปลือก
-
ใช้เนยหรือน้ำมันทาหางลอบสเตอร์ และปรุงรสตามความเหมาะสม. หลายๆ คนชอบที่จะเติมน้ำเลมอนลงไปนะ
-
ย่างแต่ละด้านประมาณ 3 ถึง 5 นาที. เริ่มจากด้านที่เป็นเนื้อก่อน แล้วค่อยกลับด้านเป็นด้านเปลือก คุณอาจอยากย่างด้านที่เป็นเปลือกนานกว่าด้านเนื้อ เพื่อให้เนื้อออกมาสุกอย่างสมบูรณ์แบบ
- ดูให้แน่ใจว่าหางมันไม่ไหม้ ถ้าหากว่ามีเปลวไฟลามขึ้นจากเตาย่าง ให้เอาลอบสเตอร์ย้ายออกจากตรงนั้น
- เนื้อหางจะสุกก็ตอนที่เนื้อมันเป็นสีทึบ และไม่ดูใสแล้ว
-
เสิร์ฟพร้อมกับเนยแยกและเลมอน.โฆษณา
-
ใช้น้ำเกลือ 6 ถึง 8 ถ้วยใส่หม้อต่อหางลอบสเตอร์ประมาณ 4 หาง. ไม่ต้องงกเกลือ แต่อย่าใส่เกินสองช้อนโต๊ะล่ะ
-
เก็บเนื้อลอบสเตอร์เอาไว้ในเปลือก. ปกติแล้ว ถ้าอยากจะต้มก็ต้องเก็บไว้ทั้งเปลือกแบบนั้น เปลือกจะช่วยบอกถึงรสชาติ และให้แน่ใจว่าเนื้อไม่หลุดออกจากเปลือกขณะต้มอยู่
-
ใส่หางลอบสเตอร์ลงไปในน้ำเดือด และลดไฟให้เป็นการตุ๋น.
-
ต้มประมาณ 1 นาทีต่อเนื้อส่วนหางแต่ละอันทุกๆ 28 กรัม. ตัวอย่างเช่น 283 กรัมก็ใช้เวลาต้ม 10 นาที ถ้าคุณต้มหาง 4 หางที่น้ำหนักหางละ 28 กรัม อย่าต้ม 40 นาทีนะ แค่ 10 นาทีก็พอ!
- ถ้าคุณต้มหางจำนวนมาก (4 ขึ้นไป) ก็ให้เพิ่มเวลาจากปกติอีกสักนาทีสองนาที
-
หลังจากที่ลอบสเตอร์สุกแล้ว ให้แกะเปลือกออกด้วยกรรไกรตัดอาหาร เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการรับประทาน (ไม่จำเป็น). หรือจะใช้มีดก็ได้ แต่ระวังอย่าผ่าเข้าเปลือกไปทำให้เนื้อขาดล่ะ
-
เสิร์ฟพร้อมกับเนยแยกและเลมอน.โฆษณา
-
นำเนื้อออกมาจากหางด้วยการผ่าตามแนวยาวทั้งหาง แต่อย่าผ่าเนื้อเป็นสองซีก. ค่อยๆ แกะเนื้อออกจากเยื่อเปลือกเบาๆ โดยที่เนื้อควรออกมาทั้งชิ้น ซึ่งอาจมีรอยผ่าด้านบนนิดหน่อย
-
ตั้งไฟอุ่นน้ำมันมะกอกหรือเนย 1 ช้อนโต๊ะ (14.8 มล. ) บนกระทะแบบที่ไม่ติดอาหาร (เทฟลอน) ด้วยไฟกลาง.
-
วางเนื้อส่วนหางลงบนกระทะ แล้วผัดประมาณ 3 นาทีต่อด้าน ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้อ. ด้านที่สองควรใช้เวลาผัดน้อยกว่าด้านแรก
- เนื้อหางลอบสเตอร์สุกก็ต่อเมื่อเป็นสีทึบ หรือไม่ใสอีกต่อไป
-
เสิร์ฟพร้อมเนยแยกและเลมอน.โฆษณา
เคล็ดลับ
- ระวัง อย่าทำให้ลอบสเตอร์สุกเกินไป ไม่อย่างนั้นเนื้อมันอาจเหนียวและไร้รสชาติได้ เพียงเนื้อลอบสเตอร์ไม่ดูใสก็แปลว่ามันสุกแล้วล่ะ
- ควรใช้หม้อขนาดใหญ่ในการต้มหางลอบสเตอร์ รวมถึงใช้น้ำในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้น้ำยังเดือดอยู่เมื่อคุณใส่หางลงไป
- ในการที่จะรับประทานหางลอบสเตอร์นั้น เริ่มด้วยการหักครีบปลายหางเล็กๆ ด้านล่างออกก่อน แงะมันออกมา ในนั้นจะมีเนื้อนิดหน่อยที่คุณสามารถนำมาแทะก่อนขณะที่รอส่วนอื่นของหางมันเย็นลงได้ หลังจากที่เปลือกมันไม่ร้อนอีกต่อไป ก็ให้ใช้นิ้วดันเนื้อหางออกจากเปลือก โดยเริ่มดันจากปลายเล็กๆ ตรงที่คุณหักครีบหางออกมานั่นเอง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
